ก็ยังอยู่กันที่การพูดถึงสิ่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน แต่จะเป็นการพูดถึง "เงื่อนไข" ที่มีความเป็นไปได้ สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต และก็มีความเป็นไปได้ที่ "ผลลัพธ์" นั้นจะเกิดตามมา แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่"ผลลัพธ์" นั้นจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งต่างจาก Type 0 ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ถึง 100%
If + Present Simple Tense, | Future Simple Tense*. |
If it is cool, | it will be good. |
ถ้าอากาศดี | มันก็คงจะดี |
จากตัวอย่างนี้อาจจะเดาได้ว่าผู้พูดอาจกำลังมีแผนการพาแฟนไปเที่ยวดอย แล้วก็กำลังนึกถึง "เงื่อนไข" ที่ว่าถ้าอากาศมันดี "ผลลัพธ์" หรืออีกสิ่งดี ๆ ที่ว่ามันก็อาจจะเกิดตามมา เช่น ถ้าไปถึงบนยอดดอยแล้ว อากาศก็คงจะดี การนั่งจับมือกันก็คงจะดี แต่... "ก็ไม่แน่" ความรักมันไม่แน่ไม่นอนเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่หรืออะไรจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีแทน (แม้ว่าอากาศมันจะดีก็ตาม)
เราจะดึงความสามารถ Type 1 หรือ First Conditional มาใช้ ใน 4 กรณีดังต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1
If Vanelty finishes all the green apples, Vanelty will buy more green apples.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด วาเนลทีก็จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม)
ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียนจนหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่วาเนลทีจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มก็จะเกิดขึ้นตามมา (พวกเราก็ไม่มั่นใจ 100% หรอก แต่พวกเราค่อนข้างจะมั่นใจอยู่นะว่าวาเนลทีน่าจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม)
ตัวอย่างที่ 2
If Vanelty finishes all the green apples, I will buy more green apples for her.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด ฉันก็จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที)
ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด "ก็ไม่แน่นะ" ที่ "ผลลัพธ์" หรือความตั้งใจที่ "ฉัน" จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลทีจะเกิดขึ้นตามมา แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ชัดเจนว่า "ผลลัพธ์" หรือความตั้งใจที่ "ฉัน" จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที่นั้นจะเกิดขึ้น 100%
ตัวอย่าง
If you finish all the green apples, I will unfriend you.
(ถ้าเธอทานแอปเปิ้ลเขียวหมด ฉันจะเลิกคบเธอ)
ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่า "เธอ" ทานแอปเปิ้ลเขียวหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่วาเนลทีจะเลิกคบเธอจะเกิดขึ้นตามมา (เมื่อวาเนลทีชอบแอปเปิ้ลเขียว หากบุคคลที่ถูกวาเนลทีพูดด้วยกินแอปเปิ้ลเขียวจนหมด วาเนลทีอาจเลิกคบเพื่อนคนดังกล่าวก็ได้)
ตัวอย่าง
If Vanelty finishes all the green apples, you should buy more green apples for her.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด เธอควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที)
ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่ควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที่จะเกิดขึ้นตามมา (อาจไม่จำเป็นต้องซื้อมาให้วาเนลทีเพื่อจะชนะใจเธอ หรือเธออาจชอบให้พาไปซื้อแอปเปิ้ลก็ได้ใครจะไปรู้)
เมื่อเราต้องการพูดถึง"เงื่อนไข"ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริง แต่ "ก็ไม่แน่" ว่า"ผลลัพธ์"จะเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า เราจะเรียกใช้ Type 1 หรือ First Conditional เห็นว่าบางครั้งนอกจากการใช้ Future Simple Tense "will + Bare Infinitive" แล้ว ยังสามารถใช้ Modal Verbs ตัวอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น การใช้ "may" "might" "should" "must" และแม้กระทั้ง Imperative (ประโยคคำสั่ง / ขอร้อง) ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไปนี้
การใช้ "may" "might" แทน "will" แสดงให้เห็นถึงระดับความมั่นใจ ระดับความแน่วแน่ที่จะตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ระดับความจริงจังของคำเตือน คำขู่ หรือคำแนะนำที่ลดหลั่นลงมา โดยการใช้ "might" จะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ ความแน่วแน่ หรือความจริงจัง ที่น้อยลงไปกว่าการใช้ "may" เสียอีก จึงต้องเลือกใช้สองคำดังกล่าวให้สอดคล้องกับความมั่นใจของผู้พูด
ตัวอย่าง
"เงื่อนไข" | "ผลลัพธ์" |
If Vanelty finishes | Vanelty might buy more |
ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียว จนหมด | วาเนลทีก็คงจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว มาเพิ่มละมั้ง |
Vanelty may buy more green apples. | |
วาเนลทีก็อาจจะไปซื้อ แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มอะนะ | |
Vanelty will buy more green apples. | |
วาเนลทีก็น่าจะไปซื้อ แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มแหละ | |
Vanelty buys more green apples. | |
วาเนลทีจะไปซื้อ แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม |
การใช้ "may" "might" แทน "should" แสดงให้เห็นถึงระดับความจริงจังของคำแนะนำที่ลดหลั่นลงมา อย่างที่ทราบว่า "might" จะแสดงให้เห็นถึงระดับความจริงจังที่น้อยลงไปกว่าการใช้ "may"
แต่ถ้าใช้ "must" หรือ Imperative แทน "should" จะแสดงถึงระดับความจริงจังของคำแนะนำที่เพิ่มมากขึ้น
ตัวอย่าง 1
"เงื่อนไข" | "ผลลัพธ์" |
If Vanelty finishes all the green apples, | you might buy more green apples for her. |
ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียว จนหมด | คุณอาจจะลองไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว มาเพิ่มให้วาเนลทีดูก็ได้นะ |
you should buy more green apples for her. | |
คุณควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว มาเพิ่มให้วาเนลทีนะ | |
you must buy more | |
คุณต้องไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว | |
buy more green apples | |
จงไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม |
การแทนคำว่า "If" ด้วยคำว่า "Provided / Providing (that)" นั้นไม่ยาก ไม่ต่างจากการแทนด้วยคำว่า "When"
ตัวอย่างเช่น
Providing (that) there aren't any food left, I'll go out and buy them.
(ถ้าหากไม่มีอาหารเหลือแล้ว ฉันจะออกไปซื้อเอง)
You'll come with us provided (that) this place is not safe to stay.
(คุณจะต้องมากับเรา เพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัย)
สำหรับการแทนคำว่า "If" ด้วยคำว่า "Should" นั้น มันก็จะสับสนนิดหน่อย เพราะในบางกรณี คำอื่น ๆ ในประโยคอาจต้องมีการย้ายที่หรือมีการปรับคำเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับ Modal Verb "should"
ตัวอย่างเช่น
Should anything happen to me, my lawyer will be the person who deals with my heritage.
(ถ้าหากฉันเป็นอะไรไป ทนายของฉันจะเป็นผู้จัดการเรื่องมรดกเอง)
Should someone know about the murder, I will make sure no one knows it from you again.
(ถ้าหากใครรู้เรื่องการฆาตรกรรมนี้ขึ้นมา ฉันจะทำให้แน่ใจเลยว่าจะไม่มีใครได้ยินจากปากคุณอีก)