Tense
Present simple, continuous, perfect
GAT
ออกสอบ
67%
O-NET
ออกสอบ
100%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Present simple, continuous, perfect : gerund and participle
GAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Present simple, continuous, perfect : since, for
GAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การผันกริยา 3 ช่อง
GAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Used to
GAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Past simple, continuous, perfect : Question, Affirmative and Negative sentence
GAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Future Tense (will and be going to) : Question, Affirmative and Negative sentence
GAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
Comparison of tenses
GAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
100%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

Type 1: First Conditional (ชุดที่ 1)

MEDIUM

Type 1: First Conditional (ชุดที่ 2)

HARD

Type 1: First Conditional (ชุดที่ 3)

เนื้อหา

TYPE 1 หรือ FIRST CONDITIONAL

ก็ยังอยู่กันที่การพูดถึงสิ่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน แต่จะเป็นการพูดถึง "เงื่อนไข" ที่มีความเป็นไปได้ สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต และก็มีความเป็นไปได้ที่ "ผลลัพธ์" นั้นจะเกิดตามมา แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่"ผลลัพธ์" นั้นจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งต่างจาก Type 0 ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ถึง 100%

NICK NAME : Real Future Condition

FORM

เวลาที่ Conditional Sentence ใช้แสดงความสามารถพูดถึง "เงื่อนไข"ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริงแต่"ผลลัพธ์"อาจจะเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้นั้นจะมีหน้าตาแบบนี้

If + Present Simple
Tense
,
 Future Simple Tense*.

If it is cool,

it will be good.

ถ้าอากาศดีมันก็คงจะดี

จากตัวอย่างนี้อาจจะเดาได้ว่าผู้พูดอาจกำลังมีแผนการพาแฟนไปเที่ยวดอย แล้วก็กำลังนึกถึง "เงื่อนไข" ที่ว่าถ้าอากาศมันดี "ผลลัพธ์" หรืออีกสิ่งดี ๆ ที่ว่ามันก็อาจจะเกิดตามมา เช่น ถ้าไปถึงบนยอดดอยแล้ว อากาศก็คงจะดี การนั่งจับมือกันก็คงจะดี แต่... "ก็ไม่แน่ความรักมันไม่แน่ไม่นอนเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่หรืออะไรจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีแทน (แม้ว่าอากาศมันจะดีก็ตาม)


FUNCTION 

เราจะดึงความสามารถ Type 1 หรือ First Conditional มาใช้ ใน 4 กรณีดังต่อไปนี้

1. เมื่อคาดคะเนว่าเหตุการณ์หรือ "ผลลัพธ์" บางอย่างจะเกิดขึ้นหากมี "เงื่อนไข" บางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างที่ 1

If Vanelty finishes all the green apples, Vanelty will buy more green apples.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด วาเนลทีก็จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม)

ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียนจนหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่วาเนลทีจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มก็จะเกิดขึ้นตามมา (พวกเราก็ไม่มั่นใจ 100หรอก แต่พวกเราค่อนข้างจะมั่นใจอยู่นะว่าวาเนลทีน่าจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม)

คำว่า "finish" ในตัวอย่างนี้ หมายถึง "ทานหมดแต่คำว่า "finish" ยังหมายถึง "ทำอะไรบางอย่างเสร็จสิ้นลงก็ได้นะคะ เช่น "finish homework"


ตัวอย่างที่ 2

If Vanelty finishes all the green apples, I will buy more green apples for her.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด ฉันก็จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที)

ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด "ก็ไม่แน่นะ" ที่ "ผลลัพธ์" หรือความตั้งใจที่ "ฉัน" จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลทีจะเกิดขึ้นตามมา แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ชัดเจนว่า "ผลลัพธ์" หรือความตั้งใจที่ "ฉัน" จะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที่นั้นจะเกิดขึ้น 100%


2. เมื่อวางแผนหรือตั้งใจให้เกิด "ผลลัพธ์" บางอย่าง หากมี "เงื่อนไข" บางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่าง

If you finish all the green apples, I will unfriend you.
(ถ้าเธอทานแอปเปิ้ลเขียวหมด ฉันจะเลิกคบเธอ)

ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่า "เธอ" ทานแอปเปิ้ลเขียวหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่วาเนลทีจะเลิกคบเธอจะเกิดขึ้นตามมา (เมื่อวาเนลทีชอบแอปเปิ้ลเขียว หากบุคคลที่ถูกวาเนลทีพูดด้วยกินแอปเปิ้ลเขียวจนหมด วาเนลทีอาจเลิกคบเพื่อนคนดังกล่าวก็ได้)


3. เมื่อเตือนหรือขู่ว่าจะเกิด "ผลลัพธ์" บางอย่างขึ้นหากมี "เงื่อนไข" บางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่าง

If Vanelty finishes all the green apples, you should buy more green apples for her.
(ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด เธอควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที)

ในอนาคต ถ้าเกิด "เงื่อนไข" ที่ว่าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด "ก็ไม่แน่" ที่ "ผลลัพธ์" ที่ควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มให้วาเนลที่จะเกิดขึ้นตามมา (อาจไม่จำเป็นต้องซื้อมาให้วาเนลทีเพื่อจะชนะใจเธอ หรือเธออาจชอบให้พาไปซื้อแอปเปิ้ลก็ได้ใครจะไปรู้)


 4. เมื่อเสนอแนะถึง "ผลลัพธ์" บางอย่างหากมี "เงื่อนไข" บางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อเราต้องการพูดถึง"เงื่อนไข"ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริง แต่ "ก็ไม่แน่" ว่า"ผลลัพธ์"จะเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า เราจะเรียกใช้ Type 1 หรือ First Conditional เห็นว่าบางครั้งนอกจากการใช้ Future Simple Tense "will + Bare Infinitive" แล้ว ยังสามารถใช้ Modal Verbs ตัวอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น การใช้ "may" "might" "should" "must" และแม้กระทั้ง Imperative (ประโยคคำสั่ง / ขอร้อง) ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไปนี้


1. การใช้ "may" "might" แทน "will"

การใช้ "may" "might" แทน "will" แสดงให้เห็นถึงระดับความมั่นใจ ระดับความแน่วแน่ที่จะตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ระดับความจริงจังของคำเตือน คำขู่ หรือคำแนะนำที่ลดหลั่นลงมา โดยการใช้ "might" จะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ ความแน่วแน่ หรือความจริงจัง ที่น้อยลงไปกว่าการใช้ "may" เสียอีก จึงต้องเลือกใช้สองคำดังกล่าวให้สอดคล้องกับความมั่นใจของผู้พูด

ตัวอย่าง

"เงื่อนไข""ผลลัพธ์"

If Vanelty finishes
all the green apples,

Vanelty might buy more
green apples.

ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียว
จนหมด
วาเนลทีก็คงจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว
มาเพิ่มละมั้ง

Vanelty may buy more
green apples.

วาเนลทีก็อาจจะไปซื้อ
แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มอะนะ


Vanelty will buy more
green apples.


วาเนลทีก็น่าจะไปซื้อ
แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มแหละ


Vanelty buys more
green apples.

วาเนลทีจะไปซื้อ
แอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม

ข้อสังเกต

"ผลลัพธ์" สุดท้ายไม่ได้เป็นการคาดคะเน แต่เป็น Type 0 บอกถึงกิจวัตหรือพฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ ๆ ประมาณว่า ฉันแอบส่องวาเนลทีอยู่ทุกวัน ฉันเห็นวาเนลทีกลับมาบ้าน นั่งทานแอปเปิ้ลเขียวจนหมด แล้วก็เห็นวาเนลทีออกไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่มทุก ๆ วัน

2. การใช้ "may" "might" "must" หรือ "Imperative" แทน "should" 

การใช้ "may" "might" แทน "should" แสดงให้เห็นถึงระดับความจริงจังของคำแนะนำที่ลดหลั่นลงมา อย่างที่ทราบว่า "might" จะแสดงให้เห็นถึงระดับความจริงจังที่น้อยลงไปกว่าการใช้ "may" 

ต่ถ้าใช้ "must" หรือ Imperative แทน "should" จะแสดงถึงระดับความจริงจังของคำแนะนำที่เพิ่มมากขึ้น

ตัวอย่าง 1

"เงื่อนไข" "ผลลัพธ์"
If Vanelty finishes
all the green apples,

you might buy more
green apples for her.
ถ้าวาเนลทีทานแอปเปิ้ลเขียว
จนหมด
คุณอาจจะลองไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว
มาเพิ่มให้วาเนลทีดูก็ได้นะ

you should buy more
green apples for her.

คุณควรจะไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว
มาเพิ่มให้วาเนลทีนะ

 

you must buy more
green apples for her.


คุณต้องไปซื้อแอปเปิ้ลเขียว
มาเพิ่มให้วาเนลทีนะ

 

buy more green apples
for her.


จงไปซื้อแอปเปิ้ลเขียวมาเพิ่ม
ให้วาเนลที



FOR MORE     

เราสามารถใช้คำว่า "Provided (that)" "Providing (that)" หรือ "Should" แทนคำว่า "If" ได้โดยความหมายจะคงเดิม แต่มีความเป็นทางการมากขึ้น

1. "Provided / Providing (that)"

การแทนคำว่า "If" ด้วยคำว่า "Provided / Providing (that)" นั้นไม่ยาก ไม่ต่างจากการแทนด้วยคำว่า "When" 

ตัวอย่างเช่น

Providing (that) there aren't any food left, I'll go out and buy them.
(ถ้าหากไม่มีอาหารเหลือแล้ว ฉันจะออกไปซื้อเอง)
You'll come with us provided (that) this place is not safe to stay.
(คุณจะต้องมากับเรา เพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัย)
ข้อสังเกต

"Provided (that) / Providing" สามารถใช้แทนกันได้ทุกกรณี เพราะมีความหมายเท่ากับ "on the condition that" (หากแต่ว่า)

2. "Should"

สำหรับการแทนคำว่า "If" ด้วยคำว่า "Should" นั้น มันก็จะสับสนนิดหน่อย เพราะในบางกรณี คำอื่น ๆ ในประโยคอาจต้องมีการย้ายที่หรือมีการปรับคำเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับ Modal Verb "should"

ตัวอย่างเช่น

Should anything happen to me, my lawyer will be the person who deals with my heritage.
(ถ้าหากฉันเป็นอะไรไป ทนายของฉันจะเป็นผู้จัดการเรื่องมรดกเอง)
Should someone know about the murder, I will make sure no one knows it from you again.
(ถ้าหากใครรู้เรื่องการฆาตรกรรมนี้ขึ้นมา ฉันจะทำให้แน่ใจเลยว่าจะไม่มีใครได้ยินจากปากคุณอีก)


ทีมผู้จัดทำ