เป็นสอง tense ที่อาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้พูดอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นสอง tense ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีตทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของ “ลำดับการเกิดเหตุการณ์” โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน และจบลงไปแล้วก่อนอีกหนึ่งเหตุการณ์ในอดีตจะเกิดเรามักจะใช้ past perfect และเหตุการณ์ที่เกิดตามหลัง เราจะใช้ past tense
ให้ลองสังเกตความหมายของ 2 ประโยคนี้
I went to bed when he phoned me.
(เขาโทรมาหา ในเวลาเดียวกับที่ฉันเข้านอน)
I had gone to bed when he phoned me.
(ฉันเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เขาโทรมาหา)
โดยให้สังเกตคำเหล่านี้ after, as soon as, before, by the time, when เราใช้คำเหล่านี้ในการอธิบายความต่อเนื่องของเหตุการณ์ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนนั้น เราจะใช้ past perfect
การใช้ already และ just ต้องใช้กับ past perfect เสมอ
เช่น
The bus had already left before we got to the bus stop.
(รถบัสได้ออกไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่พวกเราจะมาถึงป้ายรถบัสเสียอีก)
เนื่องจากเป็น 2 tense ที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตทั้ง 2 tense จึงอาจสร้างความสับสนในการนำไปใช้ แต่หลักให้จำง่าย ๆ คือ
Past simple tense = เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบลงไปแล้ว ณ เวลาหนึ่งในอดีต
เช่น
I was in Europe last year.
(ฉันอยู่ที่ยุโรปเมื่อปีที่แล้ว...สามารถระบุเวลาได้ คือ เมื่อปีที่ผ่านมา และตอนนี้ไม่อยู่แล้ว)
Present perfect Tense = เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่จำเป็นต้องจบลงไปแล้ว ณ เวลาหนึ่ง ในอดีต (หรือเกิดหลาย ๆ ครั้งในอดีต ที่ระบุไม่ได้)
เช่น
I have been in Europe once.
(ฉันเคยไปอยู่ยุโรปมาหนึ่งครั้ง...ไม่ได้ระบุช่วงเวลา แต่แค่ต้องการบอกว่าเคยไปอยู่ในอดีต และตอนนี้ไม่อยู่แล้ว)
เช่น
I was in Europe for a year.
(ฉันเคยอยู่ในยุโรปมาหนึ่งปี ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว)
เช่น
I have been to Europe for a year.
(ฉันเคยไปยุโรปมาหนึ่งปี แต่อาจกลับไปอีกก็ได้)
I have been to Europe since last year.
(ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มไปยุโรปครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ทุกวันนี้ฉันก็ไป - กลับยุโรปอยู่)