ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ผันกริยาไปตามประธานและกาลของเหตุการณ์ที่พูดถึง โดยหลัก ๆ แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการผันกริยาให้สอดคล้องกับประธานในประโยค คือ จำนวน คำกริยาในประโยคจะผันอย่างไร ขึ้นอยู่กับจำนวนของประธานในประโยค ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ คือ มีเพียงหนึ่งเดียว กริยาต้องเป็นเอกพจน์ด้วย แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ คือมีมากกว่าหนึ่ง กริยาต้องเป็นพหูพจน์ เช่น
กลุ่มที่ต้องใช้ | กลุ่มที่ต้องใช้ |
คำนามนับได้ คำนามนับไม่ได้ | คำนามนับได้ |
He, She, It | I, You, สำหรับ I และในประโยค |
คำนามเอกพจน์ | คำนามเอกพจน์ |
คำนามบางคำ | คำนามที่มีรูป เช่น people, |
Every / Each Everyone hopes | คำนามบางคำ เช่น belongings, |
คำนามพหูพจน์ None of the girls Each of them | |
การบอกปริมาณ เช่น |
คำนามบางคำที่อยู่ในรูปเอกพจน์ แต่สามารถเป็นได้ทั้งเอกพจน์ หรือ พหูพจน์ ขึ้นอยู่กับการตีความว่าจะมองว่าสิ่ง ๆ นั้น เป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวบรวมหลาย ๆ สิ่งเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว (a collection of individuals) หรือ เป็นหนึ่งกลุ่มหนึ่งเดียว เช่น
There are books on the desk.
(มีหนังสือหลายเล่มอยู่บนโต๊ะ)
--> จะเห็นว่าเมื่อมีหนังสือหลายเล่ม (books) be จึงผันเป็น are ที่เป็นคำกริยาพหูพจน์
There is a book in my bag.
(มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งในกระเป๋าของฉัน)
--> มีหนังสือหนึ่งเล่มในกระเป๋า (book) be จึงผันเป็น is ที่เป็นคำกริยาเอกพจน์ เพราะคำนามที่ตามมามีเพียงหนี่งเดียว