คือ คำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคสมบูรณ์ (Independent Clause) กับประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ (Dependent Clause) เข้าด้วยกัน ซึ่งใช้สื่อความได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บอกเหตุผล (because) แสดงความขัดแย้ง (although) แสดงเงื่อนไข (if) เป็นต้น
จริง ๆ แล้วคำสันธานพวกนี้ก็ถูกจัดว่าเป็น transition signal นั่นเอง ต่อไป เราจะพูดถึงโครงสร้างและประเภทการใช้ของคำสันธานในกลุ่มนี้กัน
คำสันธานที่ว่าสามารถวางได้ 2 ตำแหน่ง คือหน้าสุด หรือระหว่างประโยคสมบูรณ์กับประโยคไม่สมบูรณ์ ถ้าเป็นกรณีแรกจะต้องใส่ comma (,) แต่กรณีที่สองไม่ต้อง
because, since (ที่แปลว่าเพราะ), as |
ตัวอย่างประโยค
[ A ถาม B ว่าทำไมวันนี้ถึงรีบมามหาวิทยาลัยแต่เช้า]
A : What a surprise! How come you are so early today?
B : I left home early because I have morning classes today.
A : I see.
A : ประหลาดใจจริง! ทำไมวันนี้ถึงมาเร็วล่ะ?
B : ฉันออกจากบ้านเร็วเพราะว่าฉันมีคาบเรียนตอนเช้า
A : อย่างงี้นี่เอง
[ B ไม่เข้าใจว่าทำไม A ไม่ยอมไปเรียน]
B : Our teacher is worried about you. Why aren't you attending classes?
A : Since Prae rejected my love confession, I don't know what to do with my life anymore.
B : Aw come on!
B : ครูของเราเป็นห่วงนายมากนะ ทำไมถึงไม่มาเข้าเรียนตั้งหลายคาบ?
A : ตั้งแต่แพรปฏิเสธคำสารภาพรักของฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับชีวิตอีกแล้ว
B : โอ้ย ไม่เอาน่า!
although, even though, though, whereas, while |
ตัวอย่างประโยค
[ คุณครูถาม B ว่าทำไมมีปัญหากับงานกลุ่ม]
Teacher : Look, I told you to do group work. Why did you write only your name?
B : They didn’t do anything while I’m the only one who did this report.
Teacher : นี่ ครูบอกให้เธอทำงานกลุ่ม ทำไมเขียนมาแค่ชื่อเธอชื่อเดียว?
B : ก็พวกเขาไม่ทำอะไรเลย ในขณะที่ผมเป็นคนเดียวที่ทำรายงานเล่มนี้
[ B กำลังอวดว่าเขาทำรายงานออกมาได้ดี]
A : What? You got an A from that report?
B : That's right! Although I did it by myself, it was really great that the teacher see through my hard work.
A : Good for you. I got C+.
A : อะไรนะ? นายได้ A รายงานเล่มนั้นนะเหรอ?
B : ใช่แล้ว! แม้ว่าฉันจะทำมันคนเดียว แต่มันก็ออกมาดีมากจนครูเห็นถึงการทำงานอย่างหนักของฉัน
A : นายนี่มันดีจริง ฉันได้ C+
if, unless, provided that |
ตัวอย่างประโยค
[ B กำลังเตือน A เพราะเขาชอบนินทาชาวบ้านเป็นประจำ]
A : And then I saw Jun walking with this girl into the hotel behind our university. Shocking! Right?
B : That's none of your business. If he knows that you talk behind his back like this, he will surely be mad at you.
A : และในตอนนั้นฉันก็เห็นจันเดินไปกับผู้หญิงคนนี้เข้าไปในโรงแรมที่อยู่หลังมหาวิทยาลัยเรา น่าใจหายมาก! ใช่ไหม?
B : นั่นมันไม่ใช่เรื่องของนาย ถ้าเขารู้ว่านายกำลังนินทาเขาอยู่แบบนี้ เขาจะต้องโกรธนายแน่ ๆ
[ A กำลังเครียดกับการโดนแจ้งความเพราะไม่ฟัง B]
A : What am I going to do?! He sued me for defamation and the police are calling me to the station!
B : You should apologize to him personally unless you want to be charged or imprisoned.
A : ฉันจะทำยังไงดี?! เขาไปแจ้งความว่าฉันหมิ่นประมาทเขาและตำรวจก็กำลังเรียกให้ฉันไปที่สถานีตำรวจ!
B : นายควรจะไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง เว้นเสียแต่ว่านายอยากจะถูกปรับหรือถูกคุมขัง
before, after, when, whenever, as soon as, since (ที่แปลว่าตั้งแต่) |
ตัวอย่างประโยค
[ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้ง B ว่าผู้เสียหายถอนแจ้งความแล้ว]
Police : The charge is dropped when Jun decides to forgive A. Everthing is in order now.
B : Thank god, I thought I had to visit him with fried rice and fanta.
ตำรวจ : ทำการถอนแจ้งความแล้วนะครับในเมื่อนายจันตัดสินใจให้อภัยนาย A ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ
B : ขอบคุณพระเจ้า ฉันนึกว่าจะต้องไปเยี่ยมเขาด้วยข้าวผัดกับน้ำแฟนต้าซะแล้ว
[ A กับ B กำลังวางแผนไปเที่ยววันหยุดกัน]
A : I've planned all the trips and places we're going to visit, I've even already bought the tickets for us!
B : That' great and all, just don't forget ; before you go on a vacation, you should prepare your backpack properly.
A : ฉันได้วางแผนการเดินทางและสถานที่ต่าง ๆ ที่เราจะไปหมดแล้ว ฉันยังได้ไปซื้อตั๋วสำหรับพวกเรามาให้แล้วอีกด้วย
B : นั่นก็ดีแล้ว แค่อย่าลืมละกันว่า ก่อนนายจะไปเที่ยว นายควรเตรียมกระเป๋าให้เรียบร้อย