Crucial, Essential, Emphasize, Appreciate, Outcome, Significant
Dwindle, Decrease, Aggravate, Dispirited, Gloomy, Deficiency
Manufacture, Emerge, Generate, Produce, Exist, Appropriate, Adapt
Beneficial, Advantageous, Economical, Endure
Extravagant, Abundant, Accumulate, Amass, Colossal, Excessive, Exaggerate
Judge, Expert, Accomplice, Acquaintance
Reveal, Clarify, Obvious, Distinguish, Differentiate, Diverse, Distinct, Varied
Relevant, Related, Participate, Attend, Cooperate, Cordiality, Keep Company
Notable, Incredible, Astonishing, Amazing, Impressive
Indicate, Confidential, Perplexing, Complex
Rational, Observation, Interpret, Prove, Analysis, Assessment, Value
Lethal, Harmful, Fiasco, Disaster
Election, Nominate, Reform, Announce
Encourage, Urge, Enthusiastic, Lively
Alter, Fluctuate, Inclined, Adjust
Absolutely, Stable, Durable, Eventually, Equal, Alike
Ailment, Sickness, Diagnose, Infect, Manage, Indication, Control, Symptom, Torture
Personality, Character, Behavior, Manner, Phenomenon, Condition
Criticize, Blame, Elaborate, Offer, Represent, Qualification
Hindrance, Aggressive, Threaten, Offensive, Inhibit, Forbid
Idioms

ยุติ ไม่สนใจ นำออกไป ละทิ้ง ยกเลิก แยกจากกัน

ยอดวิว 13.0k

แบบฝึกหัด

EASY

Odd One Out 1

เนื้อหา

คำอธิบายความหมายของคำศัพท์
หมวดนี้เป็นการรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการนำไปทิ้ง การไม่สนใจ การเลิกทำสิ่งบางสิ่ง ไปจนถึงการทำลายและการนำออกไปจากชีวิต แม้ว่าจะมีความหมายไปในทางเดียวกันแต่คำศัพท์ในภาษาอังกฤษนั้นจะไม่สามารถมีความหมายที่เหมือนกันอย่างที่สุดได้ เราจึงมีคำว่า synonym หรือคำในกลุ่มความหมายคล้ายกัน นำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในทำนองเดียวกันได้ โดยในบทนี้จะนำเสนอคำศัพท์ 5 หมวด ด้วยกัน คือ

  1. ยกเลิก ทิ้งไว้
  2. หยุดยั้ง นำออกไป ทำลายล้าง
  3. เนรเทศ ไม่คบค้าสมาคมด้วย
  4. ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ
  5. โดดเดี่ยว

โดยในแต่ละหมวดได้ทำการอธิบายอย่างละเอียดถึงความหมายของคำในหมวดนั้น ๆ และวิธีการใช้พร้อมยกตัวอย่าง ดังนี้

1. ยกเลิก ทิ้งไว้

หมวดนี้เป็นความหมายที่เกี่ยวกับการทิ้งสิ่งต่าง ๆ ไว้ด้านหลัง แต่แม้ความหมายโดยรวมจะคล้ายกัน แต่ละคำจะมีความหมายเฉพาะและวิธีใช้ที่ต่างกันออกไปตามบริบทต่าง ๆ ดังนี้

หมวดยกเลิกหมวดทิ้งไว้
Give upAbandon
SurrenderAbdicate

Desert

Forsake

Abandon (v.)

ความหมายที่ 1 คือ การละทิ้งจากคน สถานที่ หรือสิ่งสิ่งหนึ่งโดยไม่คิดที่จะกลับมาหาอีก เช่น

The mother abandoned her baby in a dustbin.
(คุณแม่ทิ้งทารกของเธอไว้ในถังขยะ)
The pirates have to abandon their ship, or else they would get killed by the bombardment.
(พวกโจรสลัดต้องทำการสละเรือ เพราะไม่งั้นพวกเขาจะตายเพราะการระดมยิงด้วยระเบิด)
The school was abandoned five years ago because a student commited suicide, everyone was scared of the ghost and left the place.
(โรงเรียนนี้ถูกทิ้งร้างมาห้าปีแล้ว เพราะมีนักเรียนคนหนึ่งฆ่าตัวตาย ทุกคนกลัวผีก็เลยไปจากที่นี่กัน)

ความหมายที่ 2 คือ การละทิ้งกิจกรรม หรืองานที่ยังทำไม่เสร็จจนค้างคา เช่น

We have to abandon the project because we don't have enough funding.
(เราต้องทิ้งโครงการนี้ไปเพราะว่าพวกเราไม่ได้รับการระดมทุนมากพอ)

ความหมายที่ 3 คือ การที่คนคนหนึ่งปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับ หรืออยู่กับอะไรบางอย่าง จะต้องใช้กับ Reflexive Pronoun (สรรพนามที่พูดถึงตัวเอง) โดยจะมีโครงสร้างดังนี้

Subject + abandon + Reflexive pro. + to + Object (something)

เช่น

I abandoned myself to this sorrow.
(ฉันปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความโศกเศร้านี้)

Abdicate (v.)

ความหมายที่ 1 คือ การประกาศสละบัลลังก์ในฐานะเชื้อพระวงศ์หรือกษัตริย์ เช่น

The queen of England was forced to abdicate from her throne because she was incapable of ruling the country.
(พระราชินีแห่งอังกฤษถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์เพราะพระองค์ไม่สามารถปกครองประเทศได้)

ความหมายที่ 2 คือ การละทิ้งหน้าที่หรือภาระรับผิดชอบของตน (เป็นการสละตำแหน่ง ไม่ใช่ความขี้เกียจ) เป็นคำที่ใช้แบบทางการหรือภาษาราชการ เช่น

The UK prime minister abdicates from the parliament due to corruption crysis which she couldn't handle.
(นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรสละตำแหน่งออกจากรัฐสภาเนื่องจากวิกฤตการณ์คอรัปชั่นที่เธอไม่สามารถรับมือได้)

Desert (v.)

ถ้าเป็นคำนาม (n.) จะหมายถึง ทะเลทราย

ความหมายที่ 1 คือ การหนีทหารโดยไม่คิดที่จะกลับมาอีก โดยมักจะมีอีกคำหนึ่งที่ใช้คู่กัน คือ Deserter แปลว่า ผู้หลบหนี เช่น

Anyone who deserts from our army is to be called a deserter and to be shot on sight.
(ใครก็ตามที่หนีไปจากกองทัพของเราจะถูกเรียกว่าคนหนีทัพ และจะถูกยิงทันทีที่พบเห็น)

ความหมายที่ 2 คือ การทิ้งคนหรือสัตว์ให้เผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่โดยปราศจากการช่วยเหลือใด ๆ (แรงกว่า abandon อีก) เช่น

He deserted me and our child for another woman!
(เขาทิ้งฉันกับลูกไปหาผู้หญิงอีกคน!)

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในกรณีที่มีอะไรบางอย่างหลุด หรือหายไปจากคน ๆ หนึ่ง เช่น

My soul deserted my body when the teacher told me I have to drop out of the school because I'm not doing well with my grades.
(วิญญาณฉันหลุดออกจากร่างเมื่อคุณครูบอกว่าฉันจะต้องออกจากโรงเรียนเพราะทำเกรดได้ไม่ดี)

Forsake (v.)

มีความหมายเหมือนคำว่า Abandon + Desert เป็นการทิ้งคน ๆ หนึ่งไปในเวลาที่เขาต้องการเรามากที่สุด เช่น

From all the bad things I've been through, I now know that God has forsaken me.
(จากเรื่องเลวร้ายที่ฉันต้องฝ่าฟันมา ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพระเจ้าได้ทอดทิ้งฉันไปแล้ว)

ส่วนคำอื่น ๆ อย่าง 

Give up (VP.) และ Surrender (n.),(v.)

มีความหมายว่ายอมแพ้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่คำหลังจะต้องถูกบังคับ ทำให้รู้สึกพ่ายแพ้ด้วยวิธีการบางอย่าง เช่น

I give up on her, it doesn't matter what I do, she doesn't seem to have any feelings for me.
(ฉันยอมแพ้แล้ว ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็ตาม ดูเหมือนเธอก็ยังไม่มีความรู้สึกอะไรต่อฉันเลย)
The Empire forces The Rebel to surrender, or face death.
(ฝ่ายจักรวรรดิบังคับให้ฝ่ายกบฎยอมแพ้ ไม่อย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับความตาย)

2. หยุดยั้ง นำออกไป ทำลายล้าง

ในหมวดนี้จะเป็นการพูดถึงการทำลายล้างหรือการหยุดทำสิ่งนั้น ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องทำอีกแล้ว  โดยแบ่งได้ดังนี้

หมวดหยุดยั้งหมวดนำออกไปหมวดทำลายล้าง
AbolishEliminateAnnihilate
Bring to an endDispose ofDemolish
CeaseGet rid ofDestroy
Discontinue
Devastate
Terminate
Eradicate


Exterminate


Ruin


Wreck

Abolish (v.)

หมายถึง การหยุดยั้งระบบหรือการทำงานอย่างเป็นทางการ โดยทั้วไปจะอยู่ในรูปของ V. infinitive เช่น

The new government is planning to abolish corruption amongst all officials.
(รัฐบาลชุดใหม่มีแผนจะหยุดยั้งการคอรัปชั่นในกลุ่มข้าราชการทุกหน่วยงาน)
Law enforcer are investigating areas for activities to abolish human trafficking.
(เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายลงสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีความเคลื่อนไหว เพื่อหยุดยั้งการค้ามนุษย์)

Annihilate (v.)

หมายถึง การทำลายล้างให้สิ้นซาก (จากที่มีอยู่ให้เป็น 0) เช่น

The annihilation (n.) of Hiroshima and Nagasaki was caused by two atomic bombs which put an end to World War 2.
(เมืองฮิโรชิมะและเมืองนางาซากิถูกทำลายล้างโดยระเบิดปรมาณูสองลูก ซึ่งทำให้สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง)

Bring to an end (VP.)

หมายถึง การยับยั้งสิ่ง ๆ หนึ่งจนนำไปสู่จุดจบ ซึ่งจะต้องตามด้วยคำนามเท่านั้น และมีความหมายเดียวกันกับวลี "Put an end to..." เช่น

As the chief of police, I shall bring to an end this despicable serial killer.
(ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจ ผมจะนำทุกท่านไปสู่จุดจบของฆาตกรต่อเนื่องผู้ชั่วร้ายคนนี้)

Cease (v.)

หมายถึง การทำให้บางอย่างหยุดชะงักกลางคันและไปต่อไม่ได้อีก เช่น

Ceasefire!
(หยุดยิง!)

--> กำลังยิงอยู่แล้วสั่งให้หยุด (จะได้ยินบ่อยในหนังสงครามเวลาหัวหน้าสั่งลูกน้อง) เขียนได้อีกแบบคือ Cease fire

The criminal organization will cease to exist if we arrest the crime lord and his henchmen.
(องค์กรอาชญากรรมจะหมดไปถ้าเราจับกุมตัวเจ้าพ่อและลูกสมุนของเขาได้)

--> ปัจจุบันมีองค์กรอาชญากรรมอยู่ (ถ้าเจ้าพ่อและลูกน้องโดนจับ องค์กรก็จะขาดคนบงการและจบลง)

*Cease to exist เป็นวลี แปลว่า หายไป ไม่มีตัวตนอีก สิ้นสุดลง

Demolish (v.)

หมายถึง การทำลาย *แต่จะใช้กับอาคารหรือสถานที่เท่านั้น เช่น

We call in that wrecking ball crane to demolish this apartment.
(เราเรียกรถทุบตึกนั่นมาที่นี่เพื่อจะมาทำลายอพาร์ทเมนท์นี่ทิ้ง)

Destroy (v.)

หมายถึง การทำลายสิ่ง ๆ หนึ่งให้ไม่เหมือนเดิมหรือใช้ไม่ได้อีกต่อไป เช่น

My boss threathen to destroy my career If I don't stop seeing his daughter.
(หัวหน้าฉันขู่ว่าจะทำลายเส้นทางอาชีพของฉัน ถ้ายังไม่เลิกคบกับลูกสาวของเขา)
*Seeing นอกจากแปลว่า ไปเจอกันแล้ว ยังแปลว่า คบกัน ได้อีกด้วย (แต่ไม่ได้แปลว่า กำลังดู)
We destroyed that bridge, so the train couldn't cross the river.
(เราทำลายสะพานนั่นเพื่อทำให้รถไฟไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้)

Devastate (v.)

หมายถึง การสร้างความเสียหายแก่บางสิ่งบางอย่าง หรือทำร้ายความรู้สึกของคนคนหนึ่ง *ต่างกับ Destroy ที่แม้จะเกิดความเสียหายก็ยังสามารถฟื้นฟูหรือซ่อมแซมได้* ยกตัวอย่างเช่น

The fire devastated the building enough to report to the insurance company.
(ไฟสร้างความเสียหายแก่อาคารมากพอที่จะไปแจ้งบริษัทประกันที่ทำไว้)
She is devasted from watching her love one in the coffin slowly decending into the pit.
(เธอสะเทือนใจที่มองคนรักซึ่งอยู่ในโลงค่อย ๆ ลงไปในหลุม)

--> คือมีสิ่งที่มาทำร้ายจิตใจหรือสะเทือนจิตใจจนเสียใจหนักมาก ๆ


Discontinue (v.)

หมายถึง การระงับกิจกรรม หรือการกระทำบางอย่าง เช่น

The phone company discontinued all of their services because they became bankrupt.
(บริษัทโทรศัพท์นี้ได้งดให้บริการทุกอย่างเพราะพวกเขาล้มละลาย)

Dispose of (VP.)

หมายถึง การกำจัดหรือจัดการกับสิ่งบางสิ่งรวมไปถึงคนด้วย ซึ่งจะต้องตามด้วยคำนามหรือสรรพนามเท่านั้น เช่น

Oh no..you killed her by accident, now we have to dispose of her body.
(ให้ตายเถอะ..นายพลั้งมือฆ่าเธอ ทีนี้เราก็ต้องมากำจัดร่างเธออีก)
He raced to the finish line and disposed all of the competitors.
(เขาวิ่งไปถึงเส้นชัยและกำจัดคู่แข่งคนอื่น ๆ ออกไปหมด)

Eliminate (v.)

หมายถึง การกำจัดหรือตัดบางสิ่งบางอย่าง (หรือคน) ออกไปให้พ้นเพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้นหรือมีผลตามมา เช่น

The police is eliminating all the possiblities of the theif's hiding place.
(ตำรวจกำลังตัดความน่าจะเป็นที่น่าจะเป็นแหล่งกบดานของโจร)
The scientist team quarantined the city to eliminate the virus and stop the outbreak.
(ทีมนักวิทยาศาสตร์ทำการกักกันเมืองเพื่อที่จะกำจัดไวรัสและหยุดการแพร่ระบาดนี้)

Eradicate (v.)

มีความหมายใกล้เคียงกับ annihilate แต่ต่างกันตรงที่ eradicate คือ การกวาดล้างแบบถอนรากถอนโคน (จากที่มีอยู่ไม่ให้มีแม้กระทั่ง 0) ซึ่งมักจะใช้กับกลุ่มประชากรต่าง ๆ เช่น

In the past, Spanish flu had almost eradicated humanity from earth.
(ในอดีต ไข้หวัดใหญ่สเปนเกือบล้างบางมนุษยชาติไปจากโลกนี้)
In the past, humanity was able to eradicate Spanish flu from earth.
(ในอดีต มนุษยชาติสามารถกำจัดไข้หวัดใหญ่สเปนให้หายไปจากโลกนี้)
แล้วในแง่ของการกำจัด คำว่า Eliminate กับ Eradicate ต่างกันอย่างไร?

ลองนึกภาพตาม: สมมติถ้าเรา Eliminate เชื้อโรค หมายความว่าเราได้กำจัดมันไปจากพื้นที่ ๆ หนึ่ง หรือช่วงเวลาหนึ่ง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในที่เดิมหรืออีกหลาย ๆ ที่เพื่อไม่ให้มันกลับมาอีก
ในขณะที่
แต่ถ้าเรา Eradicate เชื้อโรค หมายความว่าต่อไปหลังจากนี้ จะไม่ต้องกังวลเชื้อโรคตัวนี้อีกต่อไป เพราะมันไม่มีตัวตนอยู่บนโลกอีกแล้ว (จากที่มีอยู่ไม่ให้มีแม้กระทั่ง 0)

Exterminate (v.)

แม้จะมีความหมายเหมือน eradicate แต่เป็นการฆ่าโดยตรงและมักจะใช้กับสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะคน สัตว์ และพืช เช่น

Farmers have to exterminate pests to protect their crops.
(ชาวนาทั้งหลายต้องกำจัดศัตรูพืชต่าง ๆ เพื่อที่จะปกป้องพืชผลของพวกเขา)
All native tribes on this land are exterminated by foreign invadors.
(เผ่าชนพื้นเมืองต่าง ๆ ที่อาศัยในพื้นที่นี้ถูกฆ่าหมดโดยผู้รุกรานชาวต่างชาติ)

ส่วน *Terminate (v.)

ในขณะที่คำนี้หมายถึงการกำจัดไม่ให้มีเพิ่ม แต่ Exterminate คือกวาดล้างยันต้นตอ ซึ่งคำว่า Terminate สามารถใช้ได้มากกว่าคนกับสัตว์ และยังสามารถใช้กับสิ่งของหรือกระบวนการได้ เช่น

My computer terminates everything that slows down its processes.
(คอมพิวเตอร์ของฉันมันกำจัดทุกอย่างที่ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ของมันช้าลง)

--> ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงฆ่า แต่หมายถึงการยับยั้งหรือหยุดการทำงานของสิ่ง ๆ นั้น

Yesterday, the airport terminated their employees that insulted a group of passengers on a plane.
(เมื่อวานนี้ ทางสนามบินได้ปลดพนักงานที่ทำกิริยาไม่ดีต่อผู้โดยสารบนเครื่องบินออกจากงาน)

--> ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงฆ่าพนักงาน แต่หมายถึงไล่พนักงานออกไม่ให้กลับมาทำงานอีก


3. เนรเทศ ไม่คบค้าสมาคมด้วย

หมวดนี้นั้นจะพูดถึงการแบนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีคำที่น่าสนใจอย่าง exile, excommunicate ไปจนถึง expel 

หมวดเนรเทศหมวดไม่คบค้าสมาคม
BanishBan
EjectBlacklist
Excommunicate
Exile
Expel
Exclude

Banish (v.)

หมายถึง การขับไล่ออกจากสถานที่ องค์กร หรือประเทศหนึ่ง ๆ เช่น

They banish Jon from the village because he caused a lot of nuisances.
(พวกเขาขับไล่จ้อนออกจากหมู่บ้าน เพราะว่าเขาสร้างความเดือดร้อนไว้มากมาย)
Jon doesn't want to be banished from Thailand, he wouldn't have anywhere to go.
(จ้อนไม่อยากโดนไล่ออกจากประเทศไทย เขาไม่มีที่ไปแล้ว)

ไม่เพียงแต่ใช้กับสิ่งมีชีวิต (คน สัตว์) เท่านั้น แต่ยังใช้กับสิ่งของ ความรู้สึก หรือความคิดได้ด้วย เช่น

Jon hopes to banish people thought of him being a nuisance.
(จ้อนหวังที่จะขจัดความคิดของคนเหล่านั้นว่าเขาเป็นตัวสร้างความเดือดร้อน)

Ban (v.)

หมายถึง การหักห้ามหรือยับยั้งสิ่ง ๆ หนึ่ง ไม่ให้เกิดขึ้นหรือมีอีก เช่น

I was banned from the bar because I punched the bartender.
(ฉันถูกห้ามไม่ให้เข้าบาร์เพราะฉันไปต่อยบาร์เทนเดอร์)
The developer ban any player who cheats on their game.
(ทางทีมผู้พัฒนาจะทำการห้ามผู้เล่นที่โกงในเกมของพวกเขาไม่ให้เล่นอีก)
The government banned stores from selling alcohol drinks after 10 P.M.
(รัฐบาลสั่งห้ามร้านค้าต่าง ๆ ทำการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังสี่ทุ่ม)

Blacklist (n.), (v.)

หมายถึง บัญชีรายชื่อคน สัตว์ หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกตีตราไว้ว่าให้หลีกเลี่ยงหรืออย่าไปยุ่ง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตนและคนอื่น ๆ เช่น

We blacklisted (v.) this container for containing biochemical weapons, so don't open it until the officials arrive.
(พวกเราบันทึกตู้คอนเทนเนอร์นี้ไว้ในบัญชีดำเนื่องจากมันขนอาวุธชีวภาพมา เพราะฉะนั้นอย่าไปเปิดจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง)
The government put Jon on their blacklist (n.) because he's a threat to the country.
(รัฐบาลนำจ้อนใส่ไว้ในบัญชีดำเพราะว่าเขาเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ)

หรือให้หลีกเลี่ยงเพราะทำตัวไม่เหมาะสมแก่การยอมรับ (คน) เช่น

Many companies blacklisted (v.) newly graduated students with history of either authorized or supported SOTUS system.
(หลาย ๆ บริษัทขึ้นบัญชีดำกับเด็กที่เพิ่งจบใหม่ ที่มีประวัติการจัดกิจกรรมหรือสนับสนุนระบบ SOTUS)

Eject (v.)

จริง ๆ แล้วหมายถึงการขับไล่คนคนหนึ่ง (หรือสัตว์) ออกไปจากที่ต่าง ๆ เช่น

The company will eject employee that doesn't comply with the new policy.
(ทางบริษัทจะปลดพนักงานที่ไม่ยอมทำตามนโยบายใหม่ออก)

--> ออกจากบริษัท

That pilot ejected his seat from the jet.
(นักบินคนนั้นดีดเก้าอี้ตัวเองออกจากเครื่องบินไอพ่น)

-->ออกจากเครื่องบิน

แต่ยังสามารถใช้กับสิ่งของซึ่งจะหมายถึงการปลด หรือดีดให้พุ่งออกมา เช่น

Computer always ejects CD after an installation has finished.
(คอมพิวเตอร์จะดีดแผ่น CD ออกเสมอเมื่อทำการติดตั้งเสร็จ)

Excommunicate (v.)

หมายถึง การเนรเทศหรือขับไล่ออกจากศาสนาไม่ให้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ มักจะกระทำโดยกลุ่มนักบวชหรือหัวหน้าของศาสนานั้น ๆ (เริ่มมาจากศาสนาคริสต์) เช่น

[สถานการณ์: ในอดีต คริสตจักรมีอิทธิพลทางการเมืองเหนือกษัตริย์ จึงไม่มีใครกล้าเป็นปฏิปักษ์]

All Christian must contribute to the church, those who turns a blind eye to the charity shall be punished and excommunicated.(ชาวคริสต์ทุกคนจะต้องอุทิศตนให้กับโบสถ์ ใครก็ตามที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการกุศลนี้จะถูกลงโทษและโดนเนรเทศ)

Exile (n.)

เป็นคำนาม หมายถึง การถูกเนรเทศ หรือสถานะการถูกเนรเทศออกจากดินแดนหรือประเทศด้วยเหตุผลทางการเมือง เช่น 

[สถานการณ์: ชาวอินเดียแดงถูกกลุ่มคนขาว (ชาวอเมริกัน) รุกราน เข่นฆ่า และแย่งชิงดินแดน]

For decades, the Indians had been driven out of their land and in exile.
(เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษที่ชาวอินเดียแดงเคยถูกขับไล่ออกจากดินแดนของพวกเขาและถูกเนรเทศ)

[สถานการณ์: จักรวรรดิไรซ์ที่ 3 เรืองอำนาจและกำจัดคนที่ต่อต้านพรรคนาซี]

Some Germans who were against NAZI became the exiles and had to flee Germany.
(ชาวเยอรมันบางคนที่ต่อต้านพรรคนาซีกลายเป็นผู้ถูกเนรเทศและต้องหนีออกจากประเทศเยอรมนี)
*แตกต่างจาก Banish ตรงที่ว่า*

Banish - โดนขับไล่โดยที่ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาอีก
Exile - โดนเนรเทศ โดยสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีคนมาขับไล่ และยังสามารถกลับมาที่เดิมได้เมื่อกาลเวลาผ่านไป (คนที่ไล่อาจเปลี่ยนใจ)

Exile ในกรณีที่ใช้กับตัวเองนั้น ยกตัวอย่างเช่น การหนีออกนอกประเทศ (ไปเอง) เมื่อเห็นว่าไม่ปลอดภัยหรืออยู่ไม่ได้
Government-in-exile (รัฐบาลพลัดถิ่น) คือสถานะที่เกิดขึ้นในภาวะสงคราม ที่ประเทศถูกข้าศึกยึดครอง เกิดการปฎิวัติ หรือรัฐประหาร รัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งถูกยึดอำนาจสามารถไปตั้งฐานทางการเมืองอยู่นอกราชอาณาจักรเพื่อต่อต้าน และหวังจะกลับมาปกครองประเทศนั้นๆอีกครั้งได้ 

Expel (v.)

เฉด,เนรเทศ,ขับไล่ไสส่ง หมายถึง การขับไล่ออกจากสถานะการเป็นสมาชิกขององค์กรใดๆ เช่นสมาชิกสมาคม สมาชิกหน่วยงานต่างๆ การขับไล่ผู้ใดให้ออกจากดินแดน (โดยเฉพาะประเทศ)

[สถานการณ์: โรงเรียนฮอกวอตส์มีกฏระเบียบเคร่งครัด และผู้กระทำผิดกฏต้องถูกขับไล่]


Having broken the school's rule, Newt Scamander was expelled from Hogwarts.
(เนื่องจากได้แหกกฏโรงเรียน นิวท์ สคามันเดอร์ จึงถูกขับไล่ออกจากโรงเรียนฮอกวอตส์)  


[สถานการณ์: นโปเลียนนำกองทัพฝรั่งเศสไปแพ้กองทัพอังกฤษ และสูญเสียความนิยมเป็นอย่างมาก]

Following his loss at Waterloo, the French government expelled Napolean from his country of France.
(หลังจากเขาประสบความปราชัยในยุทธการที่เมืองวอเตอร์ลู รัฐบาลฝรั่งเศสเนรเทศนโปเลียนออกจากประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดของเขา)
ในหลายกรณี คำว่า expel สามารถใช้เป็น verb(คำกริยา) ที่ทำให้เกิดคำนามว่า exile ได้ เช่น

"Because the former president was expelled from his country, he now live in exile in Spain "

(เนื่องจากท่านอดีตประธานาธิปดีถูกขับไล่ออกนอกประเทศ ปัจจุบันท่านจึงลี้ภัยอยู่ที่ประเทศสเปน)

ณ ที่นี้ expel ทำหน้าที่เป็นคำกริยา ว่าเนรเทศอดีตประธานาธิปดีจากประเทศ
และ exile ทำหน้าที่เป็นคำนาม แสดงถึงสถานะ "การถูกเนรเทศ" ที่ท่านเผชิญ

4. ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ

ในหมวดนี้จะนำเสนอคำศัพท์ที่สามารถนำไปใช้ในการแสดงความรู้สึกเฉยชา นิ่งเฉย หรือไม่สนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยมีคำศัพท์หลายระดับที่เราสามารถเรียนรู้และนำไปใช้

หมวดนี้เป็นการพูดถึงอาการไม่สนใจ ไม่แยแส ไม่ใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องต่างๆ หรือเรื่องความรู้สึกของคน คำที่น่าสนใจ คือ apathetic ที่ไม่ใช่แค่การไม่ใส่ใจแต่รวมไปถึงการหมดความสนใจด้วย และ negligent จะเป็นการไม่ใส่ใจในแง่ของการไม่เตรียมตัวให้พร้อม

Indifferent (Adj.)

เป็นคำคุณศัพท์ แสดงความรู้สึกว่า เพิกเฉย ไม่ได้นึกถึง ไม่ได้สนใจในสิ่งหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ

Some teenagers today are tragically indifferent toward culture and tradition.
(เป็นเรื่องน่าเศร้าที่วัยรุ่นสมัยนี้บางคนมีความเพิกเฉยต่อขนบธรรมเนียนและวัฒนธรรม)

นอกจากแสดงความรู้สึกเพิกเฉยหรือความไม่สนใจต่อสิ่งใดแล้ว คำว่า indifferent ยังสามารถใช้อธิบายถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ค่อนข้าง "เฉยๆ" หรือไม่ดี แต่ก็ไม่เลวร้าย ได้

A: How was the food
B: It was not particularly good nor bad, it was indifferent
(A:อาหารเป็นอย่างไรบ้าง B: ไม่ได้ดีหรือแย่สักทีเดียวนะ ค่อนข้างเฉยๆ

Apathetic (Adj.)

เป็นคำคุณศัพท์ แสดงถึงความไม่มีความใส่ใจ สนใจ ขาดแรงบันดาลใจ และไม่ประสงค์จะกระทำสิ่งใดในเรื่องนั้น มักใช้กับเรื่องสำคัญและเรื่องที่ควรใส่ใจโดยเฉพาะ

[สถานการณ์ : ในฐานะผู้นักเรียน เจมส์ ควรตั้งใจเรียนและใส่ใจในด้านการศึกษา]

As an elementary school student, James was apathetic toward school and education in general, but instead particularly keen on gaming and hanging out
ในฐานะนักเรียนประถม เจมส์ไม่ได้ใส่ใจมุ่งมั่นในการศึกษาเล่าเรียน แต่กลับไปให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องการเล่นเกมและเที่ยวเล่น 

ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือคำว่า apathetic กับ indifferent มีความหมายใกล้เคียงและแทบจะคล้ายกัน หากแต่คำว่า apathetic มีความหมายรุนแรงกว่า และเปรียบเสมือนเป็นขั้นกว่าของคำว่า indifferent อีกทีหนึ่ง หลายครั้งภาษาอังกฤษมักจะมีคำคุณศัพท์ที่มีความหมายเดียวกันหลายคำ แต่แตกต่างกันที่ระดับขั้นของคำเหล่านั้น เป็นเรื่องดีหากเราศึกษาคำศัพท์หลายๆคำ และเลือกใช้ให้สอดคล้องกับระดับความหมายที่เราต้องการจะสื่อ

Dispassionate (Adj.)

ความหมายคือ ความไม่มีอคติในการตัดสินใจ ไม่ถูกอารมณ์เข้าครอบงำ
สามารถสื่อความหมายขนาดถึงสิ่งต่างๆได้ทั้งในเชิงบวกและลบ ตัวอย่างเช่น

เชิงบวก

[สถานการณ์ : ในกระบวนการยุติธรรม ผู้พิพากษาควรเป็นกลาง ไม่แสดงออกทางอารมณ์]


Presiding over a trial, the judge was dispassionate, preserving his neutral status.
ในขณะที่ขึ้นว่าความ ผู้พิพากษาไม่มีอคติ และรักษาสถานะความเป็นกลางของเขา 

กรณีนี้ ความไม่มีอคติ และไม่ใช้อารมณ์ ไม่ถูกชักนำด้วยอารมณ์ นำมาซึ่งประโยชน์ในวิชาชีพผู้พิพากษา ซึ่งจำเป็นจะต้องเป็นกลาง ไม่มีอคติ

เชิงลบ

[สถานการณ์ : สาเหตุหลักของการปฎิวัติฝรั่งเศสมาจากการที่ราชวงศ์ไม่ค่อยใส่ใจประชาชน]


The French Monarchy was overthrown largely because the dispassionate monarch did not care about his starving people
สาเหตุหลักที่ราชวงศ์ฝรั่งเศสถูกโค่นล้มมาจากการที่กษัตริย์ไม่สนใจประชาชนผู้อดอยาก  

กรณีนี้ คำว่า dispassionate ทำให้เกิดความหมายในเชิงลบ เนื่องจากแสดงความไม่สนใจใส่ใจในสิ่งที่ควรต้องสนใจ และความหมายตรงกันข้ามกับตัวอย่างแรก ดังนั้นคำว่า dispassionate สามารถใช้ได้หลายบริบท อยู่ที่ความหมายที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อเลือกใช้ 


Uncaring (Adj.)

care แปลว่าห่วงใย ใส่ใจ ในภาษาอังกฤษเมื่อเติม prefix un- ด้านหน้าแล้ว มักแสดงความหมายในด้านตรงกันข้าม uncaring จึงแปลว่า ไม่ห่วงใยหรือใส่ใจในปัญหาของผู้อื่น และไม่พยายามกระทำเพื่อช่วยเหลือใดๆ หรือ ไม่ใส่ใจให้ค่าให้ความสำคัญกับสิ่งใด

[สถานการณ์ : เจนและแม่มีปัญหาหนี้สินการเงิน แต่พ่อของเธอหนีไปและไม่ใส่ใจช่วยเหลือ]



Jane's mother is having economic problem, but her father is uncaring of them
แม่ของเจนกำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน แต่พ่อของเธอไม่ได้แสแยหรือห่วงใยพวกเธอเลย

[สถานการณ์ : ด้วยความเศร้าจากตัวอย่างที่แล้ว ฝนตกหนัก แต่เจนก็ตากฝนแบบไม่สนใจ]


Jane rush in to the street, uncaring of the heavy rain which is falling.
เจนวิ่งพุ่งออกไปกลางถนน โดยไม่แยแสสนใจถึงพายุฝนที่กำลังกระหน่ำ

Uninterested (Adj.)

เช่นเดียวกับข้างต้น เนื่องจาก interested แปลว่า สนใจ ให้ความสนใจ
uninterested แปลว่า ไม่มีความสนใจ ไม่ตื่นเต้น หรือต้องการมีส่วนร่วมทั้งสิ้น

[สถานการณ์ : พรรคแรงงานชนะเลือกตั้ง แต่ได้คะแนนเสียงไม่พอที่จะตั้งรัฐบาล ต้องชวนพรรคอื่นเข้ามาร่วมเพื่อที่จะได้เสียงข้างมาก]

The Labour party invited the Conservative party to form the goverment, but the Conservative leader was uninterersted in taking part.
พรรคแรงงานยื่นหนังสือเชิญให้พรรคอนุรักษ์นิยมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ทาทางหัวหน้าพรรคไม่แสดงความสนใจในการร่วมงานด้วย
Donald Trump is uninterested in making peace in the South China Sea
ประธานาธิปดี โดนัลด์ ทรัมป์ มิได้มีความสนใจในการสร้างสันติภาพเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้

Negligent (Adj.)

ความหมายคล้ายคลึงกับ uncaring หรือ uninterested หากแต่จะแตกต่างกันตรงที่ว่า negligent จะหมายถึงการละเลย ไม่รอบคอบ หรือไม่ใส่ใจ ในเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบหรือหน้าที่ของเรา

[สถานการณ์ : ตำรวจพบตัวขโมย แต่ปล่อยให้หนีลอยนวลไปได้]

The robber got away because the policeman was negligent in his duty
หัวขโมยหนีรอดการจับกุมไปได้เนื่องจากตำรวจละเลยในหน้าที่

Inattentive (Adj.)

ไม่ให้ความสนใจต่อบุคคลหรือสิ่งใด

[สถานการณ์ : ปัจจุบันหลายคนโทษว่าเด็กไม่ดีมาจากการเลี้ยงดู]

People often said that spoiled child is a result of inattentive parenthood.
ผู้คนมักกล่าวกันว่าเด็กที่โตมาเหลวแหลกเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูอันไม่ใส่ใจของพ่อแม่

Reckless (Adj.)

คำนี้มีความหมายว่าไม่ใส่ใจสนใจเช่นเดียวกัน แต่เป็นในบริบทที่ว่า กระทำการใดอย่างอันตรายและบ้าระห่ำโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา

[สถานการณ์ : คาบสมุทรเกาหลีเป็นภูมิภาคที่มีความขัดแย้ง และถูกยั่วยุโดยเกาหลีเหนือ ]

The testing of North Korea's new neuclear warhead yesterday was considered Kim Jong Un's reckless moves in an unstable sociopolitical situation.
การทดสอบยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์โดยเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ ถูกมองว่าเป็นการกระทำอันบ้าระห่ำของนายคิม จอง อึน ท่ามกลางสถานการณ์ทางสังคมการเมืองอันสั่นคลอน  

[สถานการณ์ : เจมส์ บอนด์ เป็นคนขับรถพาดโผนโดยไม่เกรงกลัวอันตราย]

With that reckless driving, I'm surprised James Bond is still alive this long.
ขับรถบ้าระห่ำเสียขนาดนั้น ฉันแปลกใจมากว่าทำไม เจมส์ บอนด์ ยังมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้

Thoughtless (Adj.)

ในภาษาอังกฤษ การเติม suffix -less หลังคำใด มักจะมีความหมายว่าขาดสิ่งนั้น ไม่มีสิ่งนั้น
เช่น homeless แปลว่า ผู้ไร้บ้าน(home), jobless แปลว่า ผู้ตกงาน(job)
ในที่นี้ thought แปลว่า ความคิด ดังนั้น thoughtless แปลว่า การไม่คิดพิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ว่าการกระทำหรือคำพูดของเราจะกระทบหรือก่อให้เกิดผลลบกับผู้ใดหรือสิ่งใดไหม

[สถานการณ์ : เจนเป็นคนจิตใจดี แต่ด้วยกิริยาเป็นคนตรงไปตรงมาและอาจไม่ละเอียดอ่อน]

Please forgive Jane, she meant well, she was just a bit thoughtless
ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธเจนเลย ฉันเชื่อว่าเธอหวังดี เพียงแต่เธอไม่ค่อยคิดก่อนทำเท่านั้นเอง

[สถานการณ์ : เขาได้พูดจาไม่ดีใส่แม่ของเขาโดยไม่ตั้งใจ]

I must apologise for being thoughtless earlier, I love you mom.
ลูกต้องขอโทษที่ไม่ได้คิดก่อนทำเมื่อครู่ ลูกรักแม่เสมอ

Careless (Adj.)

ไม่คิด หรือแสดงออกเพียงพอว่าใส่ใจ สนใจ

[สถานการณ์ : สตรีผู้นี้เป็นดาราชื่อดัง หากแต่ไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งตัว]

Being a superstar, everybody expects her to be fabulous all the time, but she's rather careless about her appearance.
เนื่องจากเธอเป็นดาราดัง ทุกคนจะคาดหวังให้เธอดูดีตลอดเวลา หากแต่จริงแล้วเธอไม่ได้ใส่ใจในเรื่องการแต่งตัวเลย 

5. โดดเดี่ยว

หมวดนี้จะเป็นการแยกจากกัน เป็นการโดดเดี่ยวไม่ว่าจะเป็นการแยกไว้เดี่ยวๆ อย่าง isolateการแยกออกมาจากสิ่งที่ใหญ่กว่าอย่าง detach เช่นdetached house หรือบ้านเดี่ยว  นอกจากนี้ยังมีการแยกไว้ต่างหากเนื่องจากอาจทำอันตรายแก่สิ่งอื่นได้อย่าง segregate

Isolate (V.) (Adj.)

แปลว่า การกระทำ หรือการแยกสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกจากกลุ่มหรือพวกที่สิ่งนั้นอยู่รวมกัน

[สถานการณ์ : อัล คาโปน เป็นนักโทษชื่อดัง และต้องถูกคุมขังแยกจากนักโทษคนอื่น]

During most of his time at Al Catraz, Al Capone was isolated from other inmates. (นักโทษ)
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่ อัล คาโปน รับโทษ ณ คุกอัลคาทราซ เขาถูกคุมขังแยกจากนักโทษคนอื่น
Being dangerous, Wild tiger at New York zoo were kept in an isolated cage.
เนื่องจากเป็นสัตว์อันตราย เสือป่าที่สวนสัตว์นิวยอร์คต้องถูกขังไว้ในกรงแยก

Detach (V.)

ดึงหรือแยกสิ่งใดออกจากสิ่งที่เชื่อมต่อกันอยู่ มักใช้กับสิ่งของที่ประกอบกัน

[สถานการณ์ : รถยนต์คันนี้มียางสำรองที่สามารถแยกออกมาใช้ได้]

In case of emergeny, this car has an extra tyre which can be detached from the back of the trunk.
หากเกิดกรณีฉุกเฉิน รถยนต์คันนี้มียางสำรองซึ่งสามารถแยกออกมาจากตัวถังเพื่อเปลี่ยนได้

[สถานการณ์ : มีจดหมายส่งมา และต้องฉีกส่วนตอบรับเพื่อส่งกลับ]

If you accept the wedding invitation, please detach the lower part of the form and send back.
หากคุณตอบรับจดหมายเชิญเข้าร่วมงานแต่งงานฉบับนี้ ขอความกรุณาฉีกส่วนล่างของจดหมายและส่งคืนมา

Separate (V.),(Adj.)

ทำให้สองสิ่งแยกออกจากกัน, คุณศัพท์อธิบายถึงสองสิ่งซึ่งเกิดขึ้นหรือคงอยู่แยกกัน

[สถานการณ์ : หลังสงครามโลกครั้งที่สองกรุงเบอร์ลินถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง]

The Berlin Wall serves as physical barrier which seperate(V.) Berlin into the parts.
กำแพงเบอร์ลินทำหน้าที่เป็นสิ่งกีดขวางซึ่งแบ่งแยกกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองฝั่ง

[สถานการณ์ : หมาสองตัวชอบกัดกันจึงต้องแยกกรง]

My two dogs have to be in seperated(Adj.) cages so they won't fight
สุนัขสองตัวของฉันต้องขังแยกกรงไม่งั้นพวกมันจะกัดกัน

Segregate (V.)

มีความหมายเช่นเดียวกับ seperate แต่จะเฉพาะเจาะจงลงไป เช่น การกันให้บุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งอยู่แยกจากกลุ่มอื่น โดยเฉพาะจำกัดโดยเชื้อชาติ เพศ ศาสนา

[สถานการณ์ : ในยุค 1960 รัฐบาลแอฟริกาใต้ค่อนข้างมีนโยบายแบ่งชนชาติ]


During the 1960s, the South African government passed law which segregate people from different ethnicity.
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 รัฐบาลแอฟริกาใต้ผ่านกฎหมายว่าด้วยการแบ่งแยกผู้คนต่างชนชาติ

Set apart (V.)

ทำให้โดดเด่น,ทำให้แตกต่าง มักใช้ในกรณีที่ความสามารถ ลักษณะ หรือคุณสมบัติใดของบุคคลหนึ่งโดดเด่นจนทำให้เป็นจุดสนใจและแตกต่างจากผู้อื่นในกลุ่ม

[สถานการณ์ : นายบารัค โอมาบา ถูกมองว่าเป็นผู้นำหัวสมัยใหม่ ต่างจากผู้นำคนก่อน]

Barrack Obama was a modernist, and it set him apart from other presidents.
นายบารัค โอมาบา เป็นผู้มีแนวคิดแบบหัวสมัยใหม่ ซึ่งนั่นทำให้เขาแตกต่างจากประธานาธิปดีท่านอื่น


อย่างไรก็ตาม ยังมีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษอีกหลายร้อยคำที่มีความหมายเหมือนกัน และต้องเลือกใช้ในอีกหลายสถานการณ์หรือบริบทที่แตกต่างกันออกไป นักเรียนจะต้องเรียนรู้จากการฝึกใช้ให้เยอะ ๆ บวกกับการเรียนรู้คำที่มีความหมายเหมือนอื่น ๆ อีก เพื่อสะสมคลังคำศัพท์แล้วนำไปปรับใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ความหมายที่ถูกต้อง เจาะจง และสละสลวยยิ่งขึ้น และเมื่อฝึกใช้บ่อย ๆ นักเรียนจะรับรู้ได้เองว่าจะต้องเลือกใช้คำแบบไหน และในอนาคตนักเรียนจะสามารถเรียนรู้แล้วต่อยอดไปสู่คำอื่น ๆ หรือการใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ต่อไปได้เอง

ทีมผู้จัดทำ