ในปี พ.ศ. 2360 โยฮันน์ โวล์ฟกัง เดอเบอไรเนอร์ (Johann Wolfgang Debereiner) นักเคมีคนแรก ที่พยายามจัดธาตุเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ธาตุ ตามมวลอะตอม เรียกว่า ชุดสาม (Triads) พบว่า
เช่น
Na มีมวลอะตอม 23.0 เป็นธาตุกลางระหว่าง Li และ K ซึ่งมีมวลอะตอม 6.0 และ 39.1 ตามลำดับ แต่ไม่สามารถใช้กับบางธาตุได้
หลักชุดสามของ เดอเบอไรเนอร์ จึงไม่เป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา
พ.ศ. 2407 จอห์น นิวแลนด์ (John Newlands) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เสนอ กฎการจัดธาตุเป็นหมวดหมู่ (กฎออกเตต) ถ้าเรียงธาตุตามมวลอะตอมจากน้อยไปมาก พบว่า
เช่น
ถ้าธาตุที่ 1 คือ Li ธาตุที่ 8 จะเป็น Na
ดังนี้
การจัดเรียงนี้สามารถใช้ได้ถึง Ca เท่านั้น กฎนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดมวลอะตอมจึงเกี่ยวกับสมบัติที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ. 2412 ยูลิอุส โลทาร์ ไมเออร์ (Julius Lothar Meyer) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน และดิมิทรี เมนเดเลเอฟ (Dimitri Mendeleev) นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย เสนอว่า ถ้าเรียงธาตุตามมวลอะตอมจากน้อยไปมาก จะพบว่า
การจัดเรียงของเมนเดเลเอฟ ไม่ได้เรียงตามมวลอะตอมอย่างเดียว แต่นำสมบัติที่คล้ายกันของธาตุมาพิจารณาด้วย และเว้นช่องว่างสำหรับธาตุที่ยังไม่ค้นพบ
เช่น
ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีการค้นพบธาตุ ให้ชื่อว่า เอคา-ซิลิคอน
ซึ่งต่อมาได้ค้นพบเจอร์เมเนียม (Ge) ซึ่งมีสมบัติใกล้เคียงกับที่ทำนายไว้ แต่เมนเดเลเอฟไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดจึงจัดเรียงตามมวลอะตอม
ปี พ.ศ. 2456 เฮนรี โมสลีย์ (Henry Moseley) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เสนอให้จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม เนื่องจากสมบัติต่าง ๆ ของธาตุมีความสัมพันธ์กับประจุบวกในนิวเคลียสหรือเลขอะตอมมากกว่ามวลอะตอม ซึ่ง
ในการแสดงเลขหมู่ของตารางธาตุ มี 2 ระบบที่แตกต่างกัน คือ
ดังรูป
ธาตุที่อยู่ในแนวตั้งเดียวกันเรียกว่า หมู่ (Group) และธาตุที่อยู่ในแนวนอนเดียวกัน เรียกว่า คาบ (Period)
รูปตารางธาตุในปัจจุบัน
สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ
แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ (แสดงดังรูป)
รูปตำแหน่งธาตุตามระดับพลังงาน
เอกสารอ้างอิง