ในธรรมชาติมีธาตุที่มีความเสถียรและไม่เสถียร ภายในนิวเคลียสจะประกอบด้วยแรงที่คอยยึดนิวคลีออนเอาไว้ด้วยกัน เรียกว่า แรงนิวเคลียร์ และ พลังงานที่ใช้ในการยึดนิวคลีออนในนิวเคลียสไว้ด้วยกันเรียกว่า พลังงานยึดเหนี่ยว (binding energy) ในการพูดถึงพลังงานในระดับอะตอมมักจะใช้หน่วย อิเล็กตรอนโวลต์ (eV)
โดยที่ 1 eV = 1.6 x 10-19 J เนื่องจากภายในนิวเคลียสประกอบด้วยโปรตอนที่มีประจุเป็นบวกอยู่ใกล้กันมากๆ ดังนั้น พลังงานที่ใช้จะต้องสูงมากๆ มีการประมาณค่าไว้ถึงขนาดรัศมีของนิวเคลียส ()
เมื่อ
เมื่อกล่าวถึง พลังงานยึดเหนี่ยว (binding energy) ที่มาของพลังงานนั้นมาจากที่ใด ลองพิจารณาจากนิวเคลียสของฮีเลียม จะเห็นว่า ฮีเลียมประกอบด้วย โปรตอน 2 ตัว และ นิวตรอน 2 ตัว เมื่อเราคิดค่ามวลของนิวคลีออนแต่ละตัวในหน่วย atomic unit, u = 1.66 x 10-27 kg หากเราเป็นค่ามวล 1 u เป็นพลังงาน
ตามทฤษฎีของไอน์สไตน์จะได้ว่า
จะเห็นว่า มวลรวม = 4.032980u แต่มวลตามธรรมชาติของฮีเลียมคือ 4.002603u ซึ่งน้อยกว่าผลรวมมวลของนิวคลีออนแต่ละตัว มีมวลที่หายไปอยู่ 0.030377u โดยที่หายไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ยึดนิวคลีออนเอาไว้ด้วยกันในนิวเคลียส ซึ่งเราเรียกว่า มวลพร่อง (mass defect)
สามารถเขียนสมการของมวลพร่องสำหรับธาตุใดๆ ได้เป็น
เมื่อ
แต่ลำพังค่าพลังงานยึดเหนี่ยวอาจจะยังไม่สารถบ่งถึงธาตุที่เสถียรได้อย่างชัดเจน นักวิทยาศาสตร์จึงได้นำค่าพลังงานยึดเหนี่ยวที่คำนวณได้ในข้างต้นหารด้วยจำนวนนิวคลีออน เพื่อสะท้อนว่านิวคลีออนแต่ละตัวในนิวเคลียสมีพลังงานยึดเหนี่ยวต่อกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งพบว่า ธาตุที่มีพลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนมากจะมีความเสถียรมากกว่า ธาตุที่มีพลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนน้อย
สมการของพลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออน เขียนได้เป็น
ตัวอย่างในกรณีของฮีเลียม จะมีพลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนเป็น 7.1 MeV ซึ่งถือว่าสูงมาก ในบรรดาธาตุที่เรารู้จักทั้งหมด เหล็กเป็นธาตุที่มีพลังงานยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนสูงที่สุด คือ 8.79 MeV นับว่าเหล็กเป็นธาตุที่เสถียรที่สุด ดังแสดงในกราฟ