เมื่อพิจารณาเฉพาะลำรังสีภายใต้สนามแม่เหล็กที่มีความเข้ม คงที่ ซึ่งทำให้วิถีของลำรังสีมีลักษณะเป็นเส้นโค้งวงกลม แรงแม่เหล็กจะมีขนาดเท่ากับแรงเข้าสู่ศูนย์กลางดังแสดง
ทำให้ประจุต่อมวลสามารถเขียนให้อยู่ในรูป
ตัวแปร และ
คือความเข้มของสนามแม่เหล็กและรัศมีของวิถีโค้งสามารถที่จะกำหนดและวัดได้ ส่วนตัวแปร
หรืออัตราเร็วของอิเล็กตรอนสามารถวัดได้โดยอ้อมโดยการเพิ่มสนามไฟฟ้าคงที่ที่สร้างแรงไฟฟ้าสถิตต่ออิเล็กตรอนในขนาดที่เท่ากับแรงแม่เหล็กและส่งผลให้วิถีการเคลื่อนที่ของลำอิเล็กตรอนกลายเป็นเส้นตรง
ทำให้สามารถหาความเร็วของอิเล็กตรอนในลำรังสีได้จากสัดส่วนระหว่างความเข้มของสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กดังนี้
แทนความสัมพันธ์ในสมการ (3) ลงในความสัมพันธ์ในสมการ (2) ทำให้ได้ค่าประจุต่อมวลออกมาในรูปของความเข้มสนามแม่เหล็ก และรัศมีของลำอิเล็กตรอน
ภายใต้สนามแม่เหล็กเพียงอย่างเดียวและความเข้มของสนามไฟฟ้า
ที่ทำให้ลำอิเล็กตรอนที่เป็นเส้นโค้งจากสนามแม่เหล็กกลับกลายเป็นเส้นตรงดังสมการ
ซึ่งจากการทดลองของทอมสันนี้ ค่าประจุต่อมวลของอิเล็กตรอนถูกหาออกมาได้เป็น คูลอมบ์ต่อกิโลกรัม จากนั้นทอมสันได้ใช้วิธีการเดียวกันนี้ในการหาค่าประจุต่อมวลของโปรตอนซึ่งมีค่าเป็น
คูลอมบ์ต่อกิโลกรัม ซึ่งมีค่าน้อยกว่าค่าประจุต่อมวลของอิเล็กตรอนประมาณ 1800 เท่าโดยที่ประจุมีค่าเท่ากัน ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าโปรตอนมีมวลที่มากกว่าอิเล็กตรอนประมาณ 1800 เท่า และนำมาสรุปเป็นแบบจำลองของอะตอมที่ในหนึ่งอะตอมที่เป็นกลางประกอบไปด้วยโปรตอนและอิเล็กตรอนปริมาณเท่ากันแต่แบบจำลองดังกล่าวยังคงไม่มีข้อมูลว่าโปรตอนและอิเล็กตรอนมีการจัดตัวกันอย่างไรภายในอะตอม
อย่างไรก็ตามแบบจำลองอะตอมดังกล่าวยังคงมีความขัดแย้งกับทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากยังไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับวงโคจรของอิเล็กตรอนที่ยังคงเสถียรอยู่ได้ เพราะเมื่อประจุบวกของนิวเคลียสกับประจุลบของอิเล็กตรอนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน อิเล็กตรอนก็ควรที่จะเคลื่อนที่เข้าใกล้และรวมตัวกับนิวเคลียสในที่สุด พร้อมทั้งคายพลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถอธิบายได้โดยการพิจารณาธรรมชาติของพลังงานและโมเมนตัมเชิงมุมที่มีลักษณะเป็นควอนตาหรือมีความไม่ต่อเนื่อง และคุณสมบัติทวิภาวะของอิเล็กตรอนที่สามารถประพฤติตัวเป็นคลื่นนิ่งรอบนิวเคลียสได้ ดังจะแสดงให้เห็นในบทเรียนถัดไป