ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ
ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (1)
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (2)
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ไฟฟ้าสถิตกับการอธิบายหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า และปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวัน
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ตัวเก็บประจุ
กระแสไฟฟ้า & กำลังไฟฟ้า
ความต้านทาน & วงจรไฟฟ้า : Ohm / Kirchoff

ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (1)

ยอดวิว 3.8k

แบบฝึกหัด

EASY

ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (1) (ชุดที่ 1) Pre test

MEDIUM

ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (1) (ชุดที่ 2) Post test

HARD

ไฟฟ้าสถิต: แรง สนาม ศักย์ พลังงานศักย์จากประจุ (1) (ชุดที่ 3) Post test

เนื้อหา

ประจุไฟฟ้า

คำว่า “ไฟฟ้า” มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษคือ electricity ซึ่งมีที่มาจากคำภาษากรีกอีกต่อหนึ่งคือคำว่า elektron ที่หมายถึง “อำพัน (amber)” เป็นวัสดุที่เกิดจากการแข็งตัวของยางสนจนมีลักษณะคล้ายแท่งพลาสติกโปร่งแสงสีเหลือง ซึ่งในสมัยโบราณเป็นที่รู้กันว่าเมื่อนำแท่งอำพันไปถูกับผ้าขนสัตว์ แท่งอำพันจะเกิดปรากฏการณ์ไฟฟ้าสถิต (Static Electricity) คือจะสามารถดึงดูดเศษใบไม้แห้งหรือฝุ่นได้

ในรูปด้านซ้ายมือ วัสดุที่วางพาดทำมาจากโลหะ เช่น เหล็ก มีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า (conductor) คือมีความสามารถในการอนุญาตให้ประจุไฟฟ้าผ่านได้
ในขณะที่วัสดุ เช่น ไม้ หรือ ยาง ในรูปด้านขวามีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า (insulator) คือมีไม่มีความสามารถในการให้ประจุไฟฟ้าผ่านได้หรืออีกนัยหนึ่งคือมีความสามารถในการกันประจุไฟฟ้าไม่ให้ผ่าน
หากพิจารณาลึกลงไปในระดับอะตอมโดยใช้แนวคิดอย่างง่ายจากหัวข้อที่ผ่านมา พบว่า 
  • ในวัสดุที่เป็นฉนวน (insulator) อิเล็กตรอนเกือบทั้งหมดถูกตรึงแน่นอยู่กับนิวเคลียสของแต่ละอะตอม
  • ในทางกลับกัน สำหรับวัสดุที่เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีนั้น อิเล็กตรอนจำนวนหนึ่งถูกตรึงอยู่กับนิวเคลียสของแต่ละอะตอมอย่างหลวมๆ และสามารถเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างอิสระภายในวัสดุ จึงเรียกอิเล็กตรอนกลุ่มดังกล่าวว่าเป็นอิเล็กตรอนอิสระ (free electron)

นำวัตถุโลหะที่มีประจุบวก มาวางไว้ใกล้กับแท่งวัตถุโลหะที่เป็นกลาง แต่ไม่ให้วัตถุโลหะทั้งสองแตะกัน อิเล็กตรอนอิสระจะไม่มีการถ่ายเทออกจากแท่งโลหะ แต่ยังคงมีการเคลื่อนที่ภายในวัตถุโลหะในทิศทางเข้าหาประจุบวกที่อยู่ในแท่งโลหะด้านซ้าย ทำให้ส่วนปลายของโลหะทางขวามือในด้านที่อยู่ใกล้กับประจุบวกจะมีค่าประจุเป็นลบ และส่วนปลายอีกด้านจะมีค่าประจุเป็นบวก ปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดได้สำหรับการนำเอาประจุลบมาจ่อกับโลหะที่เป็นกลางเช่นกัน

กฎของคูลอมบ์

“แรงที่กระทำระหว่างประจุ Q subscript 1 กับ Q subscript 2 มีค่าแปรผันตรงกับปริมาณประจุทั้งสอง และมีค่าแปรผกผันกับกำลังสองของระยะห่างระหว่างประจุ” ทำให้สามารถสรุปออกมาเป็นความสัมพันธ์ได้ว่า 

             F equals fraction numerator K left parenthesis Q subscript 1 Q subscript 2 right parenthesis over denominator r squared end fraction space space space space space space space space space space space space space space space space space open parentheses 1 close parentheses

เมื่อ begin mathsize 14px style Q subscript 1 end style และ begin mathsize 14px style Q subscript 2 end style คือปริมาณประจุในลูกพิทลูกที่ 1 และ 2
                         ตามลำดับ ซึ่งต่อไปเพื่อความสะดวก
                         เราจะเรียกเป็นประจุ begin mathsize 14px style Q subscript 1 end style และประจุ begin mathsize 14px style Q subscript 2 end style
                         ตามลำดับ
      r คือระยะห่างระหว่างลูกพิททั้งสอง 
     K คือค่าคงที่การแปรผันที่มีค่าเท่ากับ
            9 cross times 10 to the power of 9 N m/C2

  • ในกรณีที่ประจุ Q subscript 1 กับ Q subscript 2 เป็นประจุชนิดเดียวกัน (อาจเป็น บวก-บวก หรือ ลบ-ลบ) ซึ่งทำให้เกิดแรงผลัก (repulsive force)
    • ทิศทางของแรง F subscript 12 จากประจุ Q subscript 1 ที่กระทำต่อประจุ Q subscript 2 จะมีทิศพุ่งออกจาก Q subscript 1
    • และทิศทางของแรง F subscript 21 จากประจุ Q subscript 2 ที่กระทำต่อประจุQ subscript 1 จะมีทิศพุ่งออกจากQ subscript 2
  • ส่วนในกรณีที่ประจุ Q subscript 1 กับ Q subscript 2 เป็นประจุต่างชนิดกัน (อาจเป็น บวก-ลบ หรือ ลบ-บวก) ซึ่งทำให้เกิดแรงดูด (repulsive force)
    • ทิศทางของแรง F subscript 12 จากประจุ Q subscript 1 subscript blank ที่กระทำต่อประจุ Q subscript 2 จะมีทิศพุ่งเข้าหา Q subscript 1
    • และทิศทางของแรง F subscript 21 จากประจุ Q subscript 2 ที่กระทำต่อประจุ Q subscript 1 จะมีทิศพุ่งเข้าหา Q subscript 2

ในทั้งสองกรณีพบว่าขนาดของแรง F subscript 12 และ F subscript 21 มีค่าเท่ากัน แต่มีทิศทางเป็นตรงข้าม ซึ่งสามารถมองว่าแรงที่กระทำระหว่างประจุ Q subscript 1 กับ Q subscript 2 มีลักษณะเป็นคู่ของแรงกิริยา-แรงปฏิกิริยาตามกฎข้อที่สามของนิวตัน