ดูเผินๆ อาจจะยาก แต่เอาจริงๆ คือเป็นนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ผ่านการกำหนดรายรับและรายจ่ายของรัฐ
รัฐสามารถใช้นโยบายการคลังผ่านการกำหนดรายจ่ายและรายได้ดังนี้
รัฐบาลมีนโยบายด้านรายจ่ายหลักๆ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
รัฐบาลดำเนินนโยบายด้านรายรับหลักๆ อยู่ 2 ทาง ได้แก่
ซึ่งในความเป็นจริงรายได้ของรัฐหลักๆ มาจาก
ภาษีอากร เช่น ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(เก็บจากบริษัทและองค์กรต่างๆ) ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน เป็นต้น ดังนั้น เราก็จะพูดกันได้ง่ายๆ ว่านโยบายการคลัง
เป็นนโยบายที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเก็บภาษีของรัฐนั่นเอง
รัฐสามารถใช้โยบายการคลังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดังนี้
คือการที่เศรษฐกิจตกต่ำและรัฐต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย หรือง่ายๆ คือนโยบายที่ก่อให้เกิดการใช้จ่ายและลงทุนทางเศรษฐกิจโดยการเพิ่มการใช้จ่ายและลดภาษี เช่น การเพิ่มเงินรายจ่ายด้านการลงทุน โดยเพิ่มโครงการสร้างถนน ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานแก่ผู้รับเหมาและผู้ขายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง
ทำให้เกิดการจ้างแรงงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้น เงินก็ไปถึงมือแรงงานเพื่อจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
อีกตัวอย่างนึงคือการเพิ่มเงินโอนให้ผู้ยากไร้เพื่อเพิ่ม
การใช้จ่ายของประชาชน ในทางภาษีรัฐสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยการลดภาษี เมื่อภาษีลดลงประชาชนก็มีเงินใช้จ่ายมากขึ้น ภาคธุรกิจก็ได้เงินจากประชาชนมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะกระตุ้น แต่สิ่งที่รัฐควรระวังคือ ถ้าใช้จ่ายมาก
แต่รายได้ไม่พอกับรายจ่ายนานๆ หนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นภาระต่อประเทศในอนาคตที่ต้องมาจ่ายหนี้ทดแทน
อันนี้คือตรงกันข้ามกับข้างบน กล่าวคือ นโยบาย
การคลังแบบเข้มงวดนั้นเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มภาษี รัฐจะใช้นโยบายนี้ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจมีการเติบโตเร็วเกินไป ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียในด้านการเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อ หรือการเพิ่มตัวของราคาสินค้าในตลาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้ามันเร็วเกินไป
ภาคผู้บริโภคและผู้ผลิตก็อาจจะตั้งตัวไม่ทัน ทำให้เศรษฐกิจอ่อนไหว
นอกจากรัฐจะสามารถใช้นโยบายการคลัง
ในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจแล้ว รัฐยังสามารถใช้นโยบายการคลังในการลดการเหลื่อมล้ำทางสังคมได้ดังนี้
ในทุกๆ ปี รัฐจะต้องทำงบประมาณรายจ่าย เพื่อให้เหมาะสมกับแนวทางการพัฒนาประเทศในปีนั้นๆ
ถ้างบประมาณนั้นมีรายได้เท่ากับรายรับ เราเรียก
กันว่า งบประมานสมดุล ถ้างบประมาณนั้นมีรายได้มากกว่ารายรับ เราเรียกกันว่า งบประมาณเกินดุล
ถ้างบประมาณนั้นมีรายได้น้อยกว่ารายรับ เราเรียก
กันว่า งบประมาณขาดดุล นั้นเอง
ถ้ารัฐบาลมีการดำเนินงบประมาณขาดดุล รัฐบาลต้อง
กู้ยืมเงินมาเพื่อให้เพียงพอกับการใช้จ่าย หนี้ในส่วนนี้
จะเรียกว่า หนี้สาธารณะ โดยรัฐบาลสามารถกู้เงินได้จาก
2 แหล่ง คือ
หนี้สาธารณะเป็นภาระของรัฐบาลและประชาชน
ในรุ่นต่อๆ ไปที่ต้องมาใช้คืน แต่ก็มีประโยชน์ในการนำเอาเงินมาลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ ถ้ารัฐบาลมีรายได้มากกว่ารายรับ เงินที่เหลือนั้นจะถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินคงคลัง ซึ่งถือว่าเป็นเงินออมของประเทศนั่นเอง