เงินเป็นสิ่งที่เราทุกคนก็คงรู้จักเป็นอย่างดี เพราะทุกคนต้องใช้เงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมร้านค้าถึงได้ยอมขายปากกา
แท่งหนึ่งให้เรา โดยแลกกับกระดาษใบหนึ่งที่ไม่ได้มีคุณค่าในตัวของมันเองเลย
เงิน หมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งที่สามารถใช้จ่ายในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่างๆ ได้
จากนิยามของเงินข้างต้น เราอาจนึกถึงเงินใน
หลากหลายรูปแบบ เช่น เงินสดที่เรามีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ เงินที่เราฝากไว้ในธนาคาร และเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น แต่จริงๆ แล้วในทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อพูดถึง “เงิน”
จะหมายถึงอะไรได้บ้าง
นักเศรษฐศาสตร์ได้แบ่งปริมาณเงิน หรือเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
เวลาที่ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร เคยได้ยินคุณตา
คุณยาย หรือ คุณพ่อ คุณแม่ พูดว่า “โอย แต่ก่อนกินก๋วยเตี๋ยวชามละแค่ 10 บาท เอง” หรือไม่
คำพูดดังกล่าว สะท้อนถึงภาวะที่เรียกว่า เงินเฟ้อ
ได้เป็นอย่างดี
เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและมีปริมาณเงินในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยในภาวะนี้ เงินมีอำนาจในการซื้อที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น เงิน 20 บาท เคยซื้อปากกาได้ 1 แท่ง แต่เมื่อปากการาคาสูงขึ้นเป็น 24 บาท เราก็ไม่สามารถซื้อปากกาได้ด้วยเงิน 20 บาทอีกต่อไป หรือก็คือความสามารถในการซื้อของเราลดลงด้วยเงินเท่าเดิม
เงินเฟ้ออาจเกิดจากความต้องการสินค้าและบริการ
ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือการที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น
ในภาวะเงินเฟ้อ ผู้ที่เสียเปรียบ คือ
ผู้ที่ได้เปรียบในภาวะเงินเฟ้อ คือ
เงินฝืด เป็นภาวะตรงกันข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ
โดยหมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เงินมีอำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น
โดยปริมาณเงินในเศรษฐกิจลดลง เช่น กระเป๋า 1 ใบ ราคา 200 บาท แต่ตอนนี้ใช้เงินเพียง 150 บาท ก็สามารถซื้อกระเป๋าใบเดิมนั้นได้
ภาวะเงินฝืดมีสาเหตุหลายประการ เช่น ความต้องการ
ซื้อสินค้าและบริการของประชาชนลดลง ผู้ผลิตก็อาจต้องการผลิตสินค้าและบริการในปริมาณที่น้อยลง ทำให้ลดกำลังการผลิตลง ส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซาในที่สุด โดยในภาวะเงินฝืด ผู้ที่เสียเปรียบ / ได้เปรียบ จะตรงกันข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ ดังนี้
ผู้ที่เสียเปรียบในภาวะเงินฝืด คือ
ลูกหนี้ เนื่องจากเงินที่ต้องชำระหนี้ที่มีมูลค่ามากขึ้น
จึงเสมือนว่ามีภาระหนี้สินมากขึ้น
นักธุรกิจ เนื่องจากได้รายได้น้อยลงจากการปรับตัวลง
ของราคาสินค้าและบริการ
ผู้ที่ได้เปรียบในภาวะเงินฝืด คือ
เจ้าหนี้ เนื่องจากหนี้สินที่จะได้รับการชำระในจำนวนเท่าเดิมมีมูลค่าสูงขึ้น
ผู้ที่มีรายได้แน่นอน เนื่องจากได้รายรับเท่าเดิม แต่ราคาสินค้าถูกลง ทำให้มีอำนาจในการซื้อสินค้าและบริการ
มากขึ้น
แล้วอัตราเงินเฟ้อหรือเงินฝืดระดับไหนที่เรียกว่าดี
ยิ่งอัตราเงินเฟ้อต่ำก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ เพราะแปลว่าราคาสินค้าไม่ค่อยแพงขึ้น
แต่ลองจินตนาการว่าเราเป็นร้านขายกระเป๋า และราคากระเป๋าไม่ว่าจะผ่านไปซักกี่ปี ก็มีราคาเท่าเดิม ในฐานะที่เราเป็นคนขาย เราจะรู้สึกอย่างไร? เราย่อมหวังว่าเราจะสามารถขายกระเป๋าได้ในราคาที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมาก หรือการที่ราคากระเป๋าที่เราขาย
แทบไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้กำลังใจในการขายของเราลดลง และไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี หากอัตราเงินเฟ้อสูงมาก ก็จะกระทบต่อฐานะและ
ความเป็นอยู่ของเรา เพราะสินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้น
จนเราไม่สามารถบริโภคได้เท่าเดิม
ดังนั้นแล้ว คำตอบคือ อัตราเงินเฟ้อหรือเงินฝืดทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพด้านราคา กล่าวคือ การมีอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน ราคาสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงรวดเร็วจนเกินไป ทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจวางแผนการบริโภค การผลิต การลงทุน ได้อย่างง่ายดาย
มากขึ้น และสร้างภาวะที่สนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทางการเงิน
เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์
ปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงเพื่อจูงใจให้คนฝากเงินมากขึ้น ใช้จ่ายน้อยลง และกู้ยืมน้อยลง เมื่อความต้องการสินค้าและบริการลดลง ระดับราคาสินค้าก็จะลดลง ทำให้ชะลอเงินเฟ้อได้
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ภาวะเงินเฟ้อ คือ
ภาวะที่มีปริมาณเงินมากในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่ธนาคารกลางขายพันธบัตรรัฐบาลจะเป็นการนำเงินออกจากระบบ (ประชาชน) ทำให้ชะลอเงินเฟ้อได้
การเพิ่มอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ เมื่อธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองเงินสดมากขึ้น จะทำให้ความสามารถในการปล่อยกู้ยืมน้อยลง ทำให้นำไปสู่การใช้จ่ายของประชาชนที่ลดลงและชะลอเงินเฟ้อได้
การใช้งบประมาณเกินดุล เพิ่มอัตราภาษีอากรเพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายน้อยลง เมื่อความต้องการสินค้าและบริการลดลง ระดับราคาสินค้าก็จะลดลง ทำให้ชะลอเงินเฟ้อได้
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายทางการเงิน
เมื่อเศรษฐกิจซบเซา ประชาชนไม่อยากใช้จ่าย
ธนาคารกลางต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปรับดอกเบี้ยลงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ จูงใจให้คนหันเอาเงินออมมาใช้จ่าย
ในการบริโภคหรือการลงทุนมากขึ้น เมื่อความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ระดับราคาก็จะปรับสูงขึ้น
ตามไปด้วย
การรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล ภาวะเงินฝืด คือ
ภาวะที่มีปริมาณเงินน้อยในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น
การที่ธนาคารกลางรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล
จะเป็นการนำเงินเข้าระบบให้แก่ประชาชน เป็นการกระตุ้นการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ ช่วยบรรเทาปัญหาภาวะเงินฝืดได้
การลดอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ เมื่อธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองเงินสดน้อยลง จะทำให้ความสามารถในการปล่อยกู้ยืมมากขึ้น
ทำให้นำไปสู่การใช้จ่ายของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาปัญหาภาวะเงินฝืดได้
การใช้งบประมาณขาดดุล เพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเมื่อรัฐบาลใช้จ่ายจะทำให้
ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ระดับราคาก็จะปรับสูงขึ้นตามไปด้วย