ความล้มเหลวของตลาด

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

ความล้มเหลวของตลาด

HARD

ความล้มเหลวของตลาด

news

ความล้มเหลวของตลาด

เนื้อหา

ความล้มเหลวของระบบตลาด
(
Market Failure)
 

       คือ สถานการณ์ที่ตลาดล้มเหลวในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำงานของตลาดไม่มีประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรเท่าที่ควรจะเป็น มีผลทำให้ประโยชน์โดยรวมของสังคมลดลงหรือสังคมต้องสูญเสียประโยชน์บางประการไป  

สาเหตุของความล้มเหลวของระบบตลาด

มีสาเหตุจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

       1. การมีอำนาจเหนือตลาด (Market Power)

เช่น การผูกขาดในตลาดสินค้า หรือตลาดปัจจัยการผลิต      เป็นสาเหตุที่ทำให้การจัดสรรทรัพยากรไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการที่รัฐบาลใช้การควบคุมราคาหรือปริมาณสินค้า หรือใช้วิธีการรับประกันราคาสินค้า เป็นการแทรกแซงตลาดโดยอำนาจรัฐ หรืออำนาจของผู้ซื้อ ผู้ขาย ที่มีขนาดใหญ่ สามารถมีอิทธิพลต่อตลาดได้


       2. ระบบข้อมูลข่าวสารที่ไม่สมบูรณ์ (Asymmetric Information) 

หมายถึง สภาวะที่บุคคลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบจากการมีข้อมูลข่าวสารเหนือกว่าอีกฝ่าย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ใช้ความได้เปรียบนั้นไปเอาเปรียบฝ่ายที่มีข้อมูลข่าวสารด้อยกว่า ทำให้เกิดความล้มเหลวของตลาด หรือการที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีข้อมูลแตกต่างกัน ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ข้อมูลข่าวสารที่ไม่สมบูรณ์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท

            2.1 ประเภทที่เกิดขึ้นก่อนการทำสัญญา เช่น การซื้อสินค้ามือสองที่ผู้ขายมีข้อมูลมากกว่าผู้ซื้อ การซื้อขายประกันชีวิตที่ผู้ซื้อมีข้อมูลมากกว่าผู้ขาย (ภาษาอังกฤษเรียก Adverse Selection) ยกตัวอย่างตลาดขายรถมือสอง   
ผู้ซื้อจะไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารถคันใดที่ไม่ได้ถูกย้อมแมวขาย เช่น มีปัญหาเครื่องยนต์หรือเคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน เพราะมีรูปลักษณ์เหมือน ๆ กัน เมื่อผู้ซื้อไม่กล้าซื้อสินค้าในราคาแพง เพราะกลัวความเสี่ยงที่จะเจอรถไม่ดี ทำให้มีแนวโน้มที่สินค้าคุณภาพต่ำมีมากเกินไป แต่สินค้าคุณภาพสูงมีน้อยเกินไป ตลาดเกิดความล้มเหลวในการสร้างราคาที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
            การแก้ไขปัญหา Adverse Selection อาจจะทำได้โดย การสร้างชื่อเสียงทั้งของฝ่ายผู้ซื้อหรือผู้ขาย เช่น ระบบการสร้างเครดิต ระบบคะแนนการประเมินผู้ซื้อผู้ขาย (เช่น ในการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ หรือระบบการจองที่พัก การใช้บริการรถแท็กซี่) หรือการมีหน่วยงานกลางที่ให้มาตรฐานและรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการ

            2.2 ประเภทที่เกิดขึ้นหลังทำสัญญา เช่น พฤติกรรมเปลี่ยนหลังทำสัญญา เช่น การอู้งานของลูกจ้าง การทุจริตฉ้อโกง เมื่อได้เข้าไปทำงานแล้ว หรือการใช้ชีวิตที่ประมาทหลังซื้อประกัน หรือได้รับความคุ้มครองในการรักษาพยาบาล หรือกรณีสถาบันการเงินยอมปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยงเพราะรู้ว่าธนาคารกลางมีนโยบายช่วยเหลือไม่ให้แบงค์ล้ม (ภาษาอังกฤษ เรียก Moral Hazard)
            การแก้ปัญหา Moral Hazard อาจทำได้โดยการตั้งราคาตามประวัติที่เปลี่ยนไป เช่น คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอาจจะต้องเสียเบี้ยประกันที่สูงกว่าเดิม หรือปัญหา    การอู้งาน อาจจะแก้ปัญหาโดยการจ่ายเงินตามผลงาน หรือการให้โบนัสตามกำไรที่เกิดขึ้นของบริษัทหรือผลงานที่แต่ละคนมีส่วนร่วม


        3. ผลกระทบภายนอก (Externality) 

หมายถึง ต้นทุนหรือผลประโยชน์จากการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของหน่วยเศรษฐกิจหนึ่ง ที่ตกกระทบไปยังหน่วยเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น

            3.1 ผลกระทบภายนอกเชิงลบ (Negative Externality) เช่น โรงงานปล่อยของเสียออกมาสู่ชุมชน เนื่องจากในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ธุรกิจเอกชนจะคิดเฉพาะต้นทุนเอกชน (Private Cost) ของตน และละเลยต้นทุนของสังคม (External Cost) สุดท้ายทำให้เกิดระดับของมลพิษที่มากเกินระดับที่เหมาะสมของสังคม ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีการควบคุมกลไกของตลาด เพื่อให้เกิดความสมดุล

            3.2 ผลกระทบภายนอกเชิงบวก (Positive Externality) เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ของประชาชน การให้การศึกษาแก่ประชาชน ทำให้เขามีความรู้และปฏิบัติตามกฎหมาย สังคมสงบสุข รัฐบาลก็มี    ค่าใช้จ่ายในด้านการป้องกันอาชญากรรมหรือการรักษาพยาบาลลดลง  แต่หากปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด  อาจจะมีคนจนหรือประชากรบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายหรือมีต้นทุนการใช้บริการที่สูงเกินความสามารถของตน รัฐบาลจึงต้องเข้ามาแทรกแซง เช่น การลดราคาการให้บริการ การจัดหาบริการอย่างทั่วถึง แม้จะต่ำกว่าราคาตลาดที่สมดุล เพื่อให้สังคมได้สวัสดิการในขั้นสุดท้ายสูงที่สุด

ทีมผู้จัดทำ