อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
ความเจริญของมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันตก: อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันตก: อารยธรรมอียิปต์
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันตก: อารยธรรมกรีก
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันตก: อารยธรรมโรมัน
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันออก: อารยธรรมอินเดีย
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อารยธรรมโลกตะวันออก: อารยธรรมจีน
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การติดต่อระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตก
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
พัฒนาการของมนุษยชาติในสมัยกลางสู่ยุคแห่งการปฏิวัติ การปฏิรูป และยุคแห่งความสว่างไสวทางปัญญา
ระบบฟิวดัลหรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สงครามครูเสด (Crusade War)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ยุคแห่งการสำรวจทางทะเล (Age of Exploration)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การปฏิรูปศาสนา (Religious Reformation)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Revolution)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ยุคแห่งความสว่างไสวทางปัญญา (Age of Enlightenment)
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
พัฒนาการของโลกในสมัยจักรวรรดินิยมถึงปัจจุบัน
พัฒนาการของรัฐชาติในยุโรป
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ยุคจักรวรรดินิยม
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สงครามโลกครั้งที่ 1
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สงครามโลกครั้งที่ 2
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สงครามเย็น
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ปัญหาตะวันออกกลาง
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ความขัดแย้งของมนุษยชาติ
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ความร่วมมือของมนุษยชาติ
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สถานการณ์ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถึงปัจจุบัน
RELIGION
ออกสอบ
น้อย
กฎหมาย
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย

สถานการณ์ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถึงปัจจุบัน

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

สถานการณ์ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 – ปัจจุบัน (ชุดที่ 1)

HARD

สถานการณ์ของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 – ปัจจุบัน (ชุดที่ 2)

เนื้อหา

 สถานการณ์ของโลกใน
คริสต์ศตวรรษที่ 21 – ปัจจุบัน

        โลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นโลกแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลกในยุคโลกาภิวัตน์ที่ไร้พรมแดน มนุษยชาติสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง สถานการณ์ใด ๆ ของโลกไม่ว่า ณ ที่ใด สามารถเชื่อมโยง และส่งผลกระทบต่อประชาคมโลกด้วยพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ ทำให้ชีวิต  ความเป็นอยู่ของมนุษยชาติโดยทั่วไปดีขึ้น แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการแข่งขัน มีความต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะเป็นผลให้โลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ประสบปัญหานานัปการ ความขัดแย้งในรูปแบบต่าง ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากภัยธรรมชาติ

ภัยธรรมชาติ

        ภัยธรรมชาติที่รุนแรงย่อมส่งผลร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษยชาติ ภัยธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถป้องกันได้ เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ภัยแล้ง โคลนถล่ม วาตภัย หิมะถล่ม แผ่นดินแตกแยก เป็นต้น ภัยดังกล่าวนี้ได้คร่าชีวิตมนุษย์เป็นจำนวนมาก ภัยธรรมชาติบางอย่างเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์สามารถป้องกันได้ เช่น อุทกภัยป้องกันได้โดยการสร้างเขื่อน หรือเตรียมแหล่งรับน้ำก่อนระบายออกทะเล

        ภัยธรรมชาติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์และเป็นวิกฤตการณ์ในปัจจุบัน คือ ภาวะโลกร้อน ภาวะโลกร้อนหรือภาวะที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น มีสาเหตุสำคัญเกิดจากปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่ทำให้ความร้อนสะสมอยู่ภายในโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิก็จะสูงเพิ่มขึ้นมาก โดยปกติโลกเมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ความร้อนส่วนหนึ่งจะถูกสะท้อนกลับไปในชั้นบรรยากาศ ส่วนหนึ่งจะทะลุออกไปสู่อวกาศ อีกส่วนหนึ่งจะถูกแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศดูดซับไว้ ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของโลกอุ่นและทำให้มนุษย์อาศัยอยู่ได้

        ปรากฏการณ์เรือนกระจก เกิดจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไร่นา การตัดไม้ทำลายป่า การใช้เชื้อเพลิงในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การอุตสาหกรรม การเกษตร การใช้พลังงานในอาคารบ้านเรือน การเผาขยะมูลฝอย ดังนั้นโลกในปัจจุบันที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นผลให้การผลิตและการบริโภคเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปรากฏการณ์เรือนกระจกก็ยิ่งเพิ่มขึ้น โลกก็จะร้อนขึ้นตามลำดับ
        ภาวะโลกร้อน มีผลทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง อากาศแปรปรวน ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก เช่น ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นสลับกับการขาดแคลนน้ำ ความแห้งแล้งขยายตัวรุนแรงมากขึ้น การแก้ไขภาวะโลกร้อนคือความร่วมมือกันลดการบริโภคฟุ่มเฟือย ลดการใช้พลังงาน และพยายามสร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม

        วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมเกิดจากมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำและปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นในโลก รวมทั้งการทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
        การที่จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผลิตและการบริโภคทรัพยากรก็เพิ่มขึ้นด้วย ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้เกิดการแข่งขันขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติถูกนำไปใช้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติสูญเสียสมดุล อันจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบจะย้อนกลับมาที่สังคมและเศรษฐกิจโลก

        วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ คือ การเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำธรรมชาติที่เกิดจากการปล่อยของเสียจากอาคารบ้านเรือนลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยสารพิษลงในแม่น้ำ ทำให้เน่าเสีย ขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาด เกิดปัญหาสารพิษตกค้างในดินและพืช การบุกรุกทำลายต้นน้ำลำธารและระบบนิเวศของป่าทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา

        ส่วนมลพิษทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากสังคมที่มีประกอบกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ควันพิษจากรถยนต์ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งการปล่อยควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม มลพิษทางอากาศที่เกิดจากสารพิษ เช่น สารตะกั่ว สารปรอทล้วนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ทำให้สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง การพัฒนาทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยิ่งเพิ่มขึ้น มลพิษทางอากาศก็เพิ่มมากขึ้นและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน

        ปัญหาจากขยะมูลฝอยที่เกิดจากการทิ้งของเสียจากชุมชนที่มีจำนวนมากเกินกว่าจะเก็บทำลายได้ นำไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ และมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของมนุษยชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นและเป็นปัญหาร่วมกันของประชากรโลก การแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกประเทศทั่วโลกในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


การเมืองโลกปัจจุบัน

        การเมืองโลกปัจจุบันมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สาเหตุที่สำคัญทำให้เกิดปัญหา คือ การขาดดุลยภาพทางการเมืองระหว่างประเทศและการขยายตัวของระบบก่อการร้าย

        ภายหลังการสิ้นสุดสงครามเย็นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจเพียงประเทศเดียวที่มีอิทธิพลสูงสุดในการเมืองปัจจุบัน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้นโลกในศตวรรษที่ 21 จึงมีการขาดดุลยภาพทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่เกิดมาจากการไม่มีประเทศใดมีอิทธิพลมากเพียงพอที่จะถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐอเมริกาได้ สหรัฐอเมริกาจึงสามารถดำเนินนโยบายตามอุดมการณ์ การจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order)ดยใช้ความรุนแรงและแข็งกร้าวในการดำเนินนโยบายด้านการเมืองระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปราบปรามอิรักในสงครามอ่าวเปอร์เซีย การทำสงครามกับอัฟกานิสถานและอิรัก การใช้มาตราการรุนแรงแทรกแซงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่าและจีน รวมทั้งการที่สหรัฐอเมริกาส่งกองทัพอากาศโจมตีกลุ่มกบฏในอิรัก ช่วยเหลือรัฐบาลอิรักในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบของกลุ่มกบฏที่อ้างสาเหตุความขัดแย้งทางศาสนา การดำเนินนโยบายต่างประเทศดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสังคมโลกอย่างกว้างขวางทางด้านการเมืองทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศขยายตัว มีการเผชิญหน้าระหว่างประเทศ ส่วนทางด้านเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตราการตอบโต้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าอเมริกันและใช้มาตราการทางการค้าคุ้มครองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดผลกระทบทางการค้าระหว่างประเทศ และนำไปสู่กระแสชาตินิยมในหมู่ประเทศต่าง ๆ และพยายามตอบโต้สินค้าอเมริกัน ทางด้านสังคม นโยบายการจัดระเบียบโลก ทำให้เกิดสงครามที่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

       สาเหตุของการก่อการร้าย

        สาเหตุหนึ่งเกิดจากความขัดแย้งระหว่างยิวกับอาหรับในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อชาวยิวจัดตั้งประเทศอิสราเอลโดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดสงครามระหว่างยิวกับอาหรับขึ้นหลายครั้ง พวกมุสลิมหัวรุนแรงจึงรวมตัวเป็นกลุ่มก่อการร้ายขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายต่อต้านอิสราเอล สหรัฐอเมริกาและพันธมิตร นอกจากนี้ปัญหาชนกลุ่มน้อยที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน รวมทั้งความขัดแย้งทางศาสนาก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการก่อการร้ายโดยใช้วิธีการรุนแรงที่สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 การก่อการร้ายได้ทวีความรุนแรง ดังเช่น เหตุการณ์ 11 กันยายน 2001

     การขยายตัวขององค์กรก่อการร้ายที่เป็นการใช้ความรุนแรงเพื่อคุกคามให้ผู้คน หรือรัฐบาลยินยอมตามข้อเสนอของพวกตน ได้ขยายขอบเขตเพิ่มขึ้นเป็นการจับตัวประกัน การใช้ระเบิดพลีชีพ การก่อวินาศกรรม เป็นต้น

      เหตุการณ์ 11 กันยายน 2001

       ประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาเผชิญเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งถือเป็นวินาศกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในโลก คือ วันที่ 11 กันยายน 2001 หรือ 9/11 โดยผู้ก่อการร้ายได้ปล้นเครื่องบินพาณิชย์สหรัฐอเมริกาและพุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์กและเพนตากอน อาคารสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของระบบทุนนิยมอันแสดงให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาถูกโจมตีบนแผ่นดินของตนเอง

        าเหตุของเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 เกิดจากนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างยิวกับอาหรับ ซึ่งได้สร้างสมความโกรธแค้นให้กลุ่มชาวมุสลิมหัวรุนแรง โดยใช้วิธีการก่อการร้ายหลายรูปแบบเพื่อก่อวินาศกรรมหลายครั้ง เช่น การวางระเบิดสถานทูตอเมริกันที่ประเทศเคนยาและแทนซาเนีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มความระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่มีนโยบายการต่อต้านและป้องกันการก่อการร้ายอย่างเป็นรูปธรรม ภายหลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐอเมริกาจึงได้ประกาศนโยบายต่อต้านระบบการก่อการร้ายอย่างชัดเจน

        ผลกระทบของเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2001
        ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของชาวอเมริกันเกิดแนวความคิดชาตินิยม นโยบายการบริหารประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยหันมายึดหลักด้านความมั่นคง โดยการให้อำนาจประธานาธิบดีในการจัดการบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย รัฐบาลสหรัฐอเมริกาใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความชอบธรรมในการโต้ตอบกลุ่มก่อการร้ายด้วยความรุนแรง เช่น การยกกำลังเข้าไปทำสงครามในอัฟกานิสถานในปลายปี ค.ศ.2001 และการรุกรานยึดครองอิรักในปัจจุบัน

        ผลกระทบที่มีต่อสังคมโลก คือ ทั่วโลกพากันตื่นตัวและผนึกกำลังกันต่อต้านลัทธิก่อการร้าย ตระหนักถึงภัยที่น่ากลัวของการก่อการร้ายข้ามชาติ สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายและพร้อมที่จะทำลายกลุ่มองค์การของประเทศที่ให้แหล่งพักพิงและสนับสนุนการก่อการร้าย ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ประกาศให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกตัดสินใจว่าจะยืนอยู่ข้างสหรัฐอเมริกาหรือฝ่ายก่อการร้าย ทำให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับประเทศสหรัฐอเมริกา


ภาพที่ 1  นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐอเมริกาฅ

ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/George_W._Bush#/media/File:George-W-Bush.jpeg

       สงครามในอัฟกานิสถาน

        ภายหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 สหรัฐอเมริกาและพันธมิตร เช่น อังกฤษได้ส่งกองทัพเข้าไปยังประเทศอัฟกานิสถาน เนื่องจากรัฐบาลตาลีบัน (Taliban) ให้ความสนับสนุนนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำขบวนการอัลกออิดะห์ โดยสหรัฐอเมริกาได้ประกาศการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มตาลีบัน มีการแต่งตั้งให้นายฮามิด การ์ไซ (Hamid Karzai) ชาวอัฟกานิสถานที่มีสัญชาติอเมริกันเป็นประธานาธิบดี แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ในอัฟกานิสถานยังไม่สงบแม้ว่าบินลาเดนผู้นำกลุ่มจะเสียชีวิตแล้วก็ตาม กลุ่มตาลีบันที่ซ่อนตัวอยู่ตามรอยต่อระหว่างอัฟกานิสถานกับปากีสถานยังคงโจมตีรัฐบาลอยู่เรื่อย ๆ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้พยายามกวาดล้างทำลายกลุ่มตาลีบัน ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและทรัพย์สิน แต่ก็ยังไม่สามารถปราบปรามกลุ่มตาลีบันลงได้ ส่วนกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถานก็ยังก่อวินาศกรรมเพื่อทำลายรัฐบาลอัฟกานิสถานต่อไป


ภาพที่ 2  นายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำขบวนการอัลกออิดะห์

ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Osama_bin_Laden#/media/File:Osama_bin_Laden_portrait.jpg


       สงครามอิรัก

        ในปี ค.ศ.1991 อิรักได้นำกองกำลังบุกเข้ายึดบ่อน้ำมันของประเทศคูเวต ทำให้องค์การสหประชาชาติส่งกองกำลังเข้าช่วยประเทศคูเวต เกิดเป็นสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War) และอิรักพ่ายแพ้อย่างยับเยิน นอกจากนี้ยังถูกสหประชาชาติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทำให้อิรักประสบความขาดแคลนสินค้าอุปโภค บริโภคอย่างมาก และห้ามการส่งออกน้ำมัน ซึ่งเป็นผลทำให้ประชาชนชาวอิรักได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก รัฐบาลอิรักภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ควบคุมประชาชนอย่างเข้มงวด จนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน


ภาพที่ 3  นายซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีของอิรัก

ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Saddam_Hussein#/media/File:Saddam_Hussain_1980_(cropped).jpg

       หลังเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2001 สหรัฐอเมริกาประกาศเป็นศัตรูกับระบบก่อการร้าย ดังนั้นจึงใช้เป็นข้ออ้างมุ่งไปที่อิรัก ที่สหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นประเทศที่สะสมกำลังอาวุธร้ายแรงโดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี ชีวภาพ ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของโลก

        ใน ค.ศ. 2002 สหรัฐอเมริกาได้ส่งผู้แทนเข้าไปตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ในอิรัก แต่ไม่พบอาวุธใดๆ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้ส่งกองทัพบุกโจมตีอิรักโดยปราศจากความเห็นชอบจากองค์การสหประชาชาติ และได้โค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปจัดการปกครองในอิรัก สร้างความไม่พอใจให้กับชาวอิรักหลายกลุ่ม ส่งผลให้มีการก่อเหตุวินาศกรรมอย่างรุนแรง การจับชาวต่างประเทศเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ และการก่อการร้ายด้วยการพลีชีพ ทำให้พลเรือน เจ้าหน้าที่ และทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ในสมัยประธานาธิบดีโอบามาได้ตัดสินใจถอนทหารสหรัฐออกจากอิรักทั้งหมด เพื่อให้รัฐบาลอิรักแก้ไขปัญหาประเทศของตนเอง

        อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในอิรักก็ยังมีความตึงเครียดอยู่ เนื่องจากความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างมุสลิมด้วยกัน คือ กลุ่มชีอะห์และกลุ่มซุนนี กับชาวคริสต์ทำให้เกิดการโจมตีระหว่างฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาล ที่ประเทศภายนอกให้การสนับสนุนอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา อิหร่าน ทำให้การสู้รบขยายตัวรุนแรงขึ้น