การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เริ่มปรากฏในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 และขยายตัวมากขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 โดยเกิดขึ้นในบริเวณคาบสมุทรอิตาลีก่อน เนื่องจากดินแดนอิตาลีเป็นด่านแรกของการติดต่อรับอารยธรรมและความเจริญทั้งหลายที่แพร่มาจากตะวันออก จากนั้นได้แพร่เข้าไปยังดินแดนอื่น ๆ ทั่วยุโรป ลักษณะสำคัญของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์อยู่ที่การเข้าถึงความรู้ การศึกษาข้อเท็จจริงต่างๆ การสังเกต การตรวจสอบ การทดลองอย่างมีเหตุผล
ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ บรรดาศิลปินต่าง ๆ ใช้ลักษณะทางกายภาพมนุษย์มาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม เพื่อให้มีความงดงามตามแบบมนุษย์ที่แท้จริง นอกจากนี้ยุโรปยังสนใจเรียนรู้อารยธรรมกรีก โรมัน และอารยธรรมตะวันออก
ในสมัยการสำรวจทางทะเล ชาวยุโรปได้คิดประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ เช่น การพัฒนาการต่อเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ กล้องดูดาว กล้องส่องทางไกล เข็มทิศ และแผนที่ ช่วยทำให้เกิดการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ขึ้น
การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ในระยะแรกเป็นการสืบค้นความรู้ใหม่ ๆ เพื่อล้มล้างกฎเกณฑ์เก่า ๆ ภายใต้กรอบความคิดของคริสต์ศาสนา จึงค้นพบความรู้ทางด้านดาราศาสตร์และจักรวาล ต่อมาจึงมีการค้นพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและการประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ บรรดานักวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 มีหลายคน เช่น
ผลของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่ กระตุ้นให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์ มีการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส และในดินแดนเยอรมนี เพื่อสนับสนุนงานวิจัยการประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ และการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ทำให้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลจากความสำเร็จทางด้านวิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์เชื่อมั่นในตนเองและพัฒนาเทคนิคและวิทยาการต่าง ๆ นำไปสู่การใช้เครื่องจักรกล อันเป็นรากฐานที่สำคัญของความคิดในยุคความสว่างไสวทางปัญญาและการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ทำให้ความรู้ของมนุษยชาติแตกแยกออกไปหลายสาขา โดยนำความรู้มาใช้ในวิทยาการด้านต่าง ๆ และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกหลายด้าน