การปฏิรูปศาสนา
(Religious Reformation)
ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้เป็นกระแสการต่อต้านศาสนจักรโรมันคาทอลิกทำให้มีการโจมตีศาสนจักรส่งผลให้เกิดการปฏิรูปศาสนาในยุโรป
สาเหตุของการปฏิรูปศาสนา
สาเหตุที่สำคัญที่สุดทำให้เกิดการแปรรูปศาสนาเป็นผลมาจากการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในศตวรรษที่ 15 และความเสื่อมศรัทธาในความประพฤติของบาทหลวงกับหมกหมุ่นในโลกียสุข มีความเป็นอยู่หรูหรา ฟุ่มเฟือยไม่ได้สนใจหน้าที่ของตน โดยเฉพาะพระสันตะปาปาและพระชั้นสูงบางรูปที่มีความเป็นอยู่ร่ำรวยจากการขายใบไถ่บาปหรือการขายพระเมตตา การขายตำแหน่งหน้าที่ทางศาสนาและการแต่งตั้งญาติพี่น้องเข้าดำรงตำแหน่งทางศาสนา การที่ศาสนาเก็บภาษี ร้อยชักสิบ ทำให้ชนชั้นกษัตริย์และพ่อค้าไม่พอใจ รวมถึงพวกปัญญาชนก็เสื่อมศรัทธาเช่นกัน
ใน ค.ศ. 1517 มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) บาทหลวงชาวเยอรมันและเป็นผู้สอนเทววิทยาสายคัมภีร์ ไม่พอใจการกระทำของศาสนจักร และการขายใบไถ่บาปจึงเขียนจดหมายประท้วงเรียกว่า "ข้อโต้แย้ง 95 ข้อ" (95 Theses) โดยติดคำประท้วงดังกล่าวไว้หน้ามหาวิหารแห่งเมืองวิทเทนแบร์ก (Wittenberg) ซึ่งเสนอแนวคิดให้ปฏิรูปศาสนจักรโรมันคาทอลิก โดยเน้นเรื่องการมีศรัทธายึดมั่นตามคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง และแก้ไขข้อปฏิบัติของศาสนจักรโรมันคาทอลิก คำประท้วงนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันการกระทำของลูเทอร์ ทำให้คริตสจักรลงโทษด้วยการประกาศขับไล่ออกจากศาสนา แต่เจ้าผู้ครองแคว้นในเยอรมนีตอนเหนือได้ให้ความอุปถัมภ์ลูเธอร์ไว้

ภาพที่ 1 มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Martin_Luther#/media/File:Martin_Luther_by_Cranach-restoration.jpg

ภาพที่ 2 ข้อโต้แย้ง 95 ข้อ ของมาร์ติน ลูเธอร์
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Reformation#/media/File:Luther_95_Thesen.png มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นผู้ก่อตั้งคริสต์ศาสนาใหม่คือนิกายโปรเตสแตนท์ โดยเน้นการนับถือศาสนาด้วยการมีศรัทธาต่อพระเป็นเจ้าโดยตรงหลักการสำคัญได้แก่
อำนาจของพระสันตะปาปาไม่ใช่ผู้แทนของพระเป็นเจ้าแต่เป็นมนุษย์ธรรมดา
มนุษย์ชาติรอดพ้นจากบัตรได้ด้วยการมีศรัทธาต่อพระเป็นเจ้าหรือต่อพระเยซูคริสต์เท่านั้น
บาทหลวงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของพระเยซูคริสต์
การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาจะถูกลดให้เหลือแต่การอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล การแสดงความคิดเห็นและขับร้องบทสวดมนต์ร่วมกัน
นิกายลูเทอร์ได้แพร่หลายออกไปทั่วยุโรปในสวิตเซอร์แลนด์ มีการปฏิรูปศาสนาเช่นกันโดยจอห์น คาลแวง (John Calvin) นักบวชชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ที่นำความคิดเรื่องโปรเตสแตนต์ไปเผยแพร่ ได้ก่อตั้งนิกายกัลแวงหรือนิกายแคลวินหรือคาลแวง (Calvinism) และเขียนหนังสือเรื่องสถาบันคริตต์ศาสนาเป็นภาษาฝรั่งเศส มีหลักการสำคัญคือ คริสต์ศาสนิกชนต้องศึกษาศาสนาโดยตรงจากคัมภีร์ดั้งเดิมแทนที่จะศึกษา พระคัมภีร์จากคำสั่งของศาสนจักร โดยนิกายแคลวินได้แพร่หลายในสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสกอตแลนด์

ภาพที่ 3 จอห์น คาลแวง ผู้ก่อตั้งนิกายคาลแวง
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/John_Calvin#/media/File:John_Calvin_Museum_Catharijneconvent_RMCC_s84_cropped.png ขณะเดียวกันในอังกฤษ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กษัตริย์อังกฤษ ได้ทรงขัดแย้งกับพระสันตะปาปาจึงประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากกรุงโรม โดยรัฐสภาอังกฤษออกกฎหมายให้กษัตริย์อังกฤษ เป็นประมุขคริสตจักรในอังกฤษและแต่งตั้ง อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี่ (Archbishop of Canterbury) ขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 1563 และกษัตริย์อังกฤษได้ประกาศแต่งตั้งนิกายอังกฤษหรือนิกายแองกลิกัน (Angglican Church)

ภาพที่ 4 พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษ ผู้ก่อตั้งนิกายอังกลิคัน
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Henry_VIII_of_England นอกจากนี้การปฏิรูปศาสนายังทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐต่าง ๆ ขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากความแตกต่างระหว่างนิกายทางศาสนา และผู้มีอำนาจในรัฐนั้น ๆ มีความพยายามที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศนับถือศาสนาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น สงคราม 30 ปี (30 Years War)

ภาพที่ 5 ภาพวาดตัวอย่างความขัดแย้งระหว่าง 2 นิกาย ในช่วงสงคราม 30 ปี
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Thirty_Years%27_War
จนเมื่อสิ้นศตวรรษที่ 17 จึงได้มีการประกาศยุติปัญหาความแตกแยกของคริสตจักร คือ การประกาศให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์ต่างนิกายได้
การปฏิรูปศาสนาของศาสนจักร
เมื่อเกิดการปฏิรูปศาสนาในดินแดนต่าง ๆ นักบวชผู้ศรัทธาในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ได้รวมกันปฏิรูปศาสนาของศาสนจักร เรียกว่าการปฏิรูปซ้อน (The Couter Reformation) เพื่อทำให้นิกายโรมันคาทอลิกบริสุทธิ์ กลุ่มที่มีบทบาทสำคัญคือ "คณะเยซูอิต" (Jesuit) ได้ปรับปรุงระเบียบวินัยของพระสงฆ์ให้เคร่งครัดมากขึ้น มีการตั้งโรงเรียนสอนศาสนาและแผยแพร่ศาสนาไปยังดินแดนต่าง ๆ การปฏิรูปศาสนาของคณะเยซูอิต ทำให้นิกายโรมันคาทอลิกเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ศาสนจักรได้จัดการประชุมสังคายนาแห่งเทรนต์ (Council of Trent) เพื่อกำหนดระเบียบวินัยในคริสตจักร การปรับปรุงการบริหารงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ยกเลิกการขายใบไถ่บาปและใช้ภาษาพื้นเมืองในการสอนศาสนา
ผลกระทบของการปฏิรูปศาสนาที่สำคัญ
ผลของการปฏิรูปศาสนาทำให้คริสตจักรแบ่งออกเป็น 2 นิกาย คือ
- นิกายโรมันคาทอลิกมีศูนย์กลางที่กรุงโรม มีสันตะปาปาเป็นประมุข
- นิกายโปรเตสแตนท์ ได้แยกย่อยออกเป็นนิกายย่อยต่าง ๆ
- นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการศึกษาหลักธรรมทางคริสต์ศาสนาในหมู่สามัญชนมากขึ้นและมีการเผยแผ่คริสต์ศาสนาไปยังดินแดนต่าง ๆ