ฮอร์โมนและอวัยวะสำคัญที่เกี่ยวข้องกับต่อมไร้ท่อ
ระบบต่อมไร้ท่อ Endocrine system
ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายเพื่อรักษาดุลยภาพ Homeostasis ของสภาวะต่างๆ ในร่างกาย ทำงานโดยการหลั่งสารเคมีที่เรียกว่าฮอร์โมน Hormone ซึ่งมีลักษณะจำเพาะแล้วไปมีผลที่เซลล์เป้าหมาย Target cells ซึ่งมีตัวรับจำเพาะ Receptors ต่อฮอร์โมนชนิดนั้น ฮอร์โมนจะถูกลำเลียงผ่านระบบหมุนเวียนเลือด เปรียบได้กับ การสื่อสารแบบไร้สายระหว่างเซลล์ เรียกการลำเลียงสารโดยผ่านระบบไหลเวียนว่า Endocrineข้อแตกต่างระหว่างต่อมไร้ท่อและต่อมมีท่อ
1. ต่อมไร้ท่อ (Endocrine gland) มีหลอดเลือดมาเลี้ยงจำนวนมากกว่าต่อมมีท่อ (Exocrine gland) เพราะ ฮอร์โมนจะถูกลำเลียงไปตามระบบเลือด
2. ต่อมมีท่อ(Exocrine gland) จะลำเลียงสารไปตามท่อ ตัวอย่าง เช่น ต่อมที่สร้างเอนไซม์ ต่อมน้ำลาย ต่อมเหงื่อ
อวัยวะที่มีทั้งต่อมมีท่อและต่อมไร้ท่อ ตัวอย่างเช่น ตับอ่อน กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก เพราะสามารถผลิตทั้งฮอร์โมน และเอนไซม์
ร่างกายมีการรักษาดุลยภาพโดยสารเคมี 3 รูปแบบ
1. ฮอร์โมนที่สร้างจากเซลล์ของต่อมไร้ท่อ Endocrine cells
2. ฮอร์โมนประสาท Neurohormones เป็นฮอร์โมนที่เซลล์ประสาทสร้างขึ้นตัวอย่างเช่น ไฮโปทาลามัส โดยมีการลำเลียงผ่านระบบเลือด
3. สารเคมีสื่อประสาท Neurotransmitters หลังจากเซลล์ประสาทไปยังเซลล์เป้าหมายโดยไม่ผ่านหลอดเลือด
ต่อมไร้ท่อที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย
หากถูกทำลาย อาจทำให้เสียชีวิตได้เนื่องจากร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลได้อย่างรุนแรง
1. ตับอ่อน (Pancreas) ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) และกลูคากอน (Glucagon) ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด อินซูลินทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยสั่งให้ เซลล์เป้าหมาย เช่น กล้ามเนื้อ เซลล์ไขมัน และเซลล์ตับ รับน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ ส่วนกลูคากอนทำหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป โดยเซลล์เป้าหมายหลักคือ เซลล์ตับ และเซลล์กล้ามเนื้อ สลายน้ำตาลออกมา
2. ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid glands)
ทำหน้าที่ควบคุมระดับแคลเซียม ควบคุมอาการเกร็งกระตุกของกล้ามเนื้อ ผลิตฮอร์โมนพาราทอร์โมน (Parathormone) ซึ่งเพิ่มระดับแคลเซียมในเลือด โดย
1. เพิ่มการดูดกลับของแคลเซียมที่ไต
2. เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็กโดยต้องอาศัยวิตามินดีช่วย
3. เร่งการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกเข้าสู่กระแสเลือด
ทำงานตรงข้ามกับ Calcitonin (ผลิตโดยต่อมไทรอยด์) ซึ่งทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดลดลง
3. ต่อมหมวกไตชั้นนอก Adrenal cortex ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมไปถึงระดับน้ำตาลในเลือดในภาวะฉุกเฉิน ผลิตฮอร์โมนกลุ่ม Steroid หลัก ๆได้แก่ Mineralocorticoid hormone เช่น Aldosterone ทำหน้าที่เพิ่มการขนส่งโซเดียมจากเลือดเข้าสู่เซลล์ และเพิ่มการดูดกลับโซเดียมและโพแทสเซียมที่ไต , Glucocorticoid เช่น Cortisol เมื่อร่างกายมีความเครียด ทำหน้าที่กระตุ้นการสลายไขมัน ไกลโคเจนและโปรตีนแล้วเปลี่ยนไปเป็นกลูโคส เพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนฮอร์โมนที่ผลิตในปริมาณน้อย เป็นเซ็กส์ฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ เช่น เอสโตรเจนและแอนโดรเจน ช่วยให้เกิดลักษณะทางเพศชัดเจนขึ้น
ต่อมไร้ท่อที่ไม่มีความจำเป็นต่อชีวิต เมื่อขาดการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมเหล่านี้ อาจมีความผิดปกติ แต่ไม่เป็นอันตรายถึงตาย ต่อมเหล่านี้ได้แก่ต่อมหมวกไต ต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง ต่อมไทมัส ต่อมฮอร์โมนในอวัยวะเพศ ส่วนในของต่อมไพเนียล
การรักษาดุลยภาพโดยฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ตรงข้ามกัน
ฮอร์โมน หน้าที่
สมดุลแคลเซียม
Calcitonin ลดระดับแคลเซียมในเลือด
Parathormone เพิ่มระดับแคลเซียมในเลือด
สมดุลน้ำตาลในเลือด
Insulin ลดระดับน้ำตาลในเลือด
Glucagon, เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด (Glycogen → Glucose)
Cortisol, GH
การเจริญเติบโตของอวัยวะเพศ
FSH กระตุ้นการเจริญของอวัยวะเพศ
Melatonin ยับยั้งการเจริญของอวัยวะเพศ
ชนิดของฮอร์โมน แบ่งตามโครงสร้าง
และแหล่งผลิต
1) กลุ่มสเตียรอยด์ฮอร์โมน
โครงสร้างประกอบไปด้วยสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นไขมันมีโครงสร้างอนุพันธ์จากคอเลสเตอรอล ทำให้มีสมบัติไม่ละลายน้ำสามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทันที จึงไม่สามารถเก็บสะสมไว้ในเซลล์จะสร้างเมื่อจำเป็นและจะถูกลำเลียงไปที่อวัยวะเป้าหมายทันที Receptor ของ ฮอร์โมนประเภทสเตียรอยด์จะอยู่ภายในไซโตพลาสซึม ชื่อ มักลงท้ายด้วย xxx-ones หรือ xxx-oids เช่น Testosterones ต่อมที่สร้างฮอร์โมนโครงสร้างเหล่านี้ ได้แก่ ต่อมหมวกไตชั้นนอก ผลิต
- Glucocorticoid hormones เช่น กลุ่ม Cortisol เซลล์เป้าหมายคือเซลล์ร่างกายทั่วไป ทำหน้าที่เพิ่มกลูโคสเข้ากระแสเลือดมากขึ้นโดย กระตุ้นการสลายไขมันและโปรตีน เปลี่ยนกรดอะมิโนเป็นกลูโคส สลายไกลโคเจนจากตับเป็นกลูโคส หลั่งเมื่อร่างกายมีภาวะการกระตุ้นสูง เช่นภาวะเครียด
Cushing เกิดจากการมี Cortisol ที่สูงเกิดไป อ้วนฉุ ออ่อนแรง หน้ากลมเป็นรูปพระจันทร์ บวมน้ำ- Mineralocorticoid hormones เช่น Aldosterone เซลล์เป้าหมายคือเซลล์ไต หน้าที่คือควบคุมปริมาณโซเดียม โดยเพิ่มการดูดกลับโซเดียมและขับโพแทสเซียมที่เซลล์ไต เพิ่มการขนส่งโซเดียมจากเลือดเข้าสู่เซลล์
Addison's disease เกิดจากการขาดฮอร์โมนกลุ่ม Mineralocorticoid จะมีความผิดปกติในการคุมคุมเกลือแร่ในร่างกาย- Sex hormones ผลิตในปริมาณน้อยมาก ถ้ามีการผลิตมากเกินไปจะเร่งให้เกิดมีลักษณะทางการสืบพันธุ์เร็วกว่าปกติ ได้แก่ฮอร์โมนแอนโดรเจน เอสโตรเจน
รังไข่และอัณฑะ ผลิต
- กลุ่มเซลล์ Leydig’s หรือ Interstitial cells ที่อัณฑะ เป็นเซลล์ที่อยู่ระหว่างท่อที่สร้างอสุจิ Seminiferous tubule เซลล์เหล่านี้จะหลั่งฮอร์โมนเพศชาย เช่น เทสโทสเตอโรน โดยมีเซลล์เป้าหมายเป็นเซลล์ร่างกายทั่วไป ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะเฉพาะของเพศชาย เช่น การมีขนในบางตำแหน่งของร่างกาย อาทิ หนวดเครา การเจริญโตของลูกกระเดือก อวัยวะเพศ กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงกว่าเพศหญิง
- Follicle cells ที่อยู่รอบไข่และ Corpus luteum ผลิตฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจน อวัยวะเป้าหมายได้แก่มดลูก และเซลล์ร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะเฉพาะของเพศหญิง เช่น การมีเสียงแหลม การสะสมเซลล์ไขมันมากกว่าเซลล์กล้ามเนื้อ การเจริญเติบโตของอวัยวะเพศ เต้านม การเปลี่ยนแปลงของรังไข่และมดลูก การกระตุ้นเซลล์ Follicle ที่ไข่ตกไปแล้ว ให้เจริญไปเป็น Corpus luteum
รก (Placenta) ผลิต
ได้ทั้งฮอร์โมนที่เป็นสเตียรอยด์ และฮอร์โมนที่เป็นโปรตีน สเตอรอยด์ฮอร์โมน ได้แก่- โปรเจสเตอโรน หรือฮอร์โมนของการมีครรภ์ มีหน้าที่ทำให้ผนังมดลูกเจริญเติบโตเพื่อสนับสนุนตัวอ่อน และยับยั้งการบีบตัวของมดลูก
- เอสโตรเจน ทำหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตโครงสร้างภายในของเต้านม และกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อภายในมดลูก ก่อนคลอดทำหน้าที่ตรงข้ามกับโปรเจสเตอโรน เพื่อให้มดลูกมีการบีบตัวและคลอด
2) กลุ่มโปรตีนหรือเปปไทด์ฮอร์โมน
มีโครงสร้างจำพวกโปรตีน หรือเปปไทด์ มีสมบัติละลายน้ำได้ แพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ไม่ได้ ต่อมจึงสร้างและสะสมไว้เพื่อการหลั่งเวลาที่โดนกระตุ้น Receptor ของฮอร์โมนชนิดโปรตีนจะอยู่ตรงเยื่อหุ้มเซลล์ ตับอ่อน Islets of Langerhands
คือ เนื้อเยื่อส่วนที่ผลิตฮอร์โมนในตับอ่อนมีจำนวนเซลล์เพียง 2%- 4% ของเซลล์ตับอ่อนทั้งหมด ทำหน้าที่ผลิต Peptide ฮอร์โมนหลัก ๆ ได้แก่- Insulin ผลิตจากเบต้าเซลล์ มีเซลล์เป้าหมายเป็นเซลล์ร่างกายทั่วไป ยกตัวอย่างหลัก ๆ คือเซลล์ตับ เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน ทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการนำกลูโคสเข้าไปในตับ กล้ามเนื้อและไขมัน ในตับเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจน เพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนและไขมันในเซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน ตามลำดับ
ถ้าการทำงานของ Insulin ผิดปกติจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการของโรคเบาหวาน Diabetes Melitus - Glucagon ผลิตจากอัลฟ่าเซลล์ มีเซลล์เป้าหมายเป็นเซลล์ร่างกายทั่วไป ทำหน้าที่หลักเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ที่เซลล์ตับกระตุ้นการสลายไกลโคเจน ให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด ในเซลล์ไขมันและกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสลายไขมันและโปรตีน โดยการเปลี่ยนกรดไขมันและกรดอะมิโนให้เป็นกลูโคส

ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituiatary gland)
เป็นเนื้อเยื่อที่ Endocrine cells ที่แท้จริงถูกกระตุ้นด้วยสารกระตุ้นที่ถูกส่งมาตามกระแสเลือดจาก Neurosecretory cells สมองส่วนไฮโพทาลามัส

a) ฮอร์โมนกลุ่มที่มีอวัยวะเป้าหมายเป็นเซลล์ร่างกาย ได้แก่
- Growth hormone (GH)/ Somatotrophin (STH) ทำหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของอวัยวะและการแบ่งเซลล์ โดยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีน เพื่อสร้างเป็นกล้ามเนื้อ เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดโดยการเปลี่ยนไกลโคเจนให้เป็นกลูโคส และกระตุ้นการสลายไขมันเพื่อเป็นพลังงาน
GH น้อย ในเด็ก→เด็กเตี้ยแคระ Dwarfism
GH มาก ในเด็ก→เด็กสูงใหญ่ Gigantism
GH น้อย ในผู้ใหญ่→ Simmon's disease
GH มาก ในผู้ใหญ่→ Acromegaly- Endorphins ทำหน้าที่ระงับความเจ็บปวด กระตุ้นความสุข
b) ฮอร์โมนกลุ่มที่มีอวัยวะเป้าหมายเป็นต่อมไร้ท่ออื่น ๆ (Trophic hormone)ได้แก่
- Prolactin(PRL) ทำหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเต้านมและสร้างน้ำนมในเพศหญิง ส่วนในเพศชายยังไม่ทราบหน้าที่แน่ชัด
- Thyroid stimulating hormone (TSH)
เป็นไกลโคโปรตีนทำหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของต่อมไทรอยด์ควบคุมการนำเข้าไอโอดีน - Adrenocorticotropic hormone(ACTH)
เป้าหมายคือต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenal cortex) หน้าที่หลักคือกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนและการเจริญเติบโตของต่อมหมวกไตชั้นนอก เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึม กระตุ้นการสลายไขมันทำให้กรดไขมันในเลือดสูงขึ้น - Godanotropic hormone/Gonadotrophin (GN) ได้แก่ Follicle stimulating hormone (FSH) and Lutienizing hormone (LH) อวัยวะเป้าหมายคือรังไข่และอัณฑะ
สำหรับเพศหญิง FSH กระตุ้นการเจริญเติบโตของ Follicle Cell ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ในรังไข่ที่ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่วน LH กระตุ้นให้เกิดการตกไข่และกระตุ้นให้ Follicle เปลี่ยนแปลงไปเป็น Corpus luteum เพื่อเนื้อเยื่อนี้จะทำหน้าที่สร้างโปรเจสเตอโรน
สำหรับเพศชาย FSH ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างอสุจิที่หลอดสร้างอสุจิ
Seminiferous tubule และ LH ทำหน้าที่กระตุ้น Interstitial cells (Leydig cells) หรือเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิให้สร้างเทสโทสเตอโรน
ต่อมใต้สมองส่วนหลัง (Posterior pituitary gland)
ทำหน้าที่หลักในการสะสมฮอร์โมนจาก Neurosecretory cells ของไฮโพทาลามัส
โดย เซลล์กลุ่มนี้ จะมี Axon หรือปลายประสาทยาวลงมาที่ต่อมใต้สมองและสั่งการหลั่งฮอร์โมนของต่อมใต้สมองส่วนหลัง ต่อมส่วนนี้จึงไม่ใช่ต่อมไร้ท่อที่แท้จริง

- Antidiuretic hormone (ADH) or Vasopressin จะถูกหลั่งเมื่อร่างกายขาดน้ำ ทำหน้าที่ กระตุ้นท่อหน่วยไตให้ดูดน้ำกลับ
ถ้าสร้าง ADH ได้น้อยอาจจะเป็นโรคเบาจืด Diabetes insipidus จะเกิดการสูญเสียน้ำออกมาทางปัสสาวะมากเกินไป ร่างกายขาดน้ำ ช็อค- Oxytocin ในเพศหญิงถูกหลั่งในระหว่างคลอดลูก โดยกระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกให้บีบตัว ยิ่งออกซิโทซินหลั่งมากปากมดลูกจะเปิดกว้าง เมื่อปากมดลูกเปิดกว้างขึ้นก็จะกระตุ้นให้หลั่งออกซิโทซินมากขึ้นเป็นตัวอย่างของ Positive feedback และทำหน้าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อรอบต่อมน้ำนม เมื่อทารกยิ่งดูดหัวนมออกซิโตซินจะยิ่งหลังมากและกระตุ้นการหลั่งน้ำนมให้มากขึ้นตาม
ต่อมใต้สมองส่วนกลาง (Intermediate lobe)
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ชั้นสูงจะไม่ชัดเจน จะชัดเจนในสัตว์เลือดเย็นเช่นปลา สัตว์ เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ- Melanocyte stimulating hormone (MSH) ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้าง Pigment เมลานินทำให้สีผิวเข้มขึ้น ทำหน้าที่ตรงข้ามกับฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งทำให้ผิวสีจางลง
ต่อมพาราไทรอยด์ สร้างฮอร์โมนพาราทอร์โมน (Parathormone)
มีผลต่อลำไส้เล็ก ไตและกระดูก ทำหน้าที่เพิ่มระดับแคลเซียมในเลือด ทำงานตรงข้ามกับแคลสิโทนิน โดยการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็กโดยมีวิตามินดีเป็นตัวช่วย กระตุ้นการดูดซึมกลับแคลเซียมที่ไต เพิ่มการสลายแคลเซียมที่สะสมในเซลล์กระดูกเข้าสู่เลือด ต่อมไทมัส
ผลิตฮอร์โมน Thymocin โดยกระตุ้นต่อมไทมัสเอง เพื่อสร้าง T-Cell หรือ T-Lymphocyte กระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
สร้างเปปไทด์ฮอร์โมนได้หลากหลายชนิด เป็นต่อมไร้ท่อที่มีจำนวน Endocrine cells มากที่สุดในร่างกาย เช่น Gastrin รก Placenta
สามารถผลิตฮอร์โมนที่เป็นเพปไทด์ได้เช่นกัน ได้แก่ HCG หรือ Human chorionic gonadotropin ทำหน้าที่คงสภาพ Corpus luteum เอาไว้เพื่อให้ Corpus luteum สร้าง Progesterone ได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อรักษาผนังมดลูกไว้สำหรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน3) กลุ่มเอมีน (Amines hormone) เป็นกรดอะมิโนขนาดเล็ก ละลายน้ำได้
ต่อมไทรอยด์
- Thyroxin (T3 and T4 ตามปริมาณไอโอดีนโมเลกุล) เซลล์เป้าหมายคือเซลล์ของร่างกายโดยกระตุ้นการหายใจระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน กระตุ้นเมตาบอลิซึมในร่างกายเร่งการเผาผลาญ รวมไปถึงกระตุ้นการเปลี่ยนไกลโคเจนที่สะสมให้เป็น กลูโคส
หากมีน้อย ในเด็ก→ Cretinism พัฒนาการทางสมองบกพร่อง ปัญญาอ่อน
หากมีน้อย ในผู้ใหญ่→ Myxedema ตัวบวม อ้วน เฉื่อยชา เป็นคอพอก (Simple goiter) แบบขาดไอโอดีน
หากมีมาก→ตาโปน คอพอก เหงื่ออกง่าย กินเยอะ เป็นคอพอกเป็นพิษ 2. Calcitonin เซลล์เป้าหมายหลัก ได้แก่ ลำไส้เล็ก กระดูก ไต ทำหน้าที่ลดระดับแคลเซียมและฟอสเฟตในเลือด โดย ลดการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็ก ลดการดูดกลับแคลเซียมที่ไต เพิ่มการขับแคลเซียมและฟอสเฟตออกทางปัสสาวะมากขึ้น และกระตุ้นให้เซลล์กระดูก กระตุ้นการสะสมแคลเซียม และสร้างกระดูกมากขึ้น
ต่อมไพเนียล (Pineal gland)
Melatonin เกี่ยวกับ biological rythm ทำหน้าที่ควบคุมวงจรการนอน การตอบสนองต่อแสง ยกตัวอย่างเช่นในช่วงฤดูหนาวจะมีการหลั่งเมลาโทนินมาก โดยเฉพาะในเขตที่มีกลางคืนยาวกว่ากลางวัน ทำให้ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเพศสัตว์หลายชนิดจึงไม่สืบพันธุ์ในฤดูหนาว ต่อมหมวกไตชั้นในฮอร์โมน
ที่สร้างจากต่อมนี้ ทำงานที่อวัยวะเป้าหมาย คือ อวัยวะภายใน โดยถูกกระตุ้นให้ทำงานจากระบบประสาท Sympathetic- Adrenalin or epinephrin เพิ่มการใช้ออกซิเจนเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึมของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หลอดเลือดอาร์เทอรีขยายตัว เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มการสูบฉีดเลือด เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้มากขึ้น
- Noradrenalin or norepinephrin ทำให้หลอดเลือดอาร์เทอรีบีบตัว เปลี่ยนแปลงการเต้นของหัวใจ หลอดลมขยาย
การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนมี 2 กระบวนการหลัก
- Negative feedback โดยฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจะเป็นตัวยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ส่วนมากจะใช้เพื่อการรักษาสมดุลของสารต่างๆในร่างกาย
- Positive feedback โดยฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพิ่ม จะใช้เพื่อการทำกิจกรรม เช่น ออกซิโตซิน กระตุ้นการหลั่งน้ำนมและเมื่อมีการดูดนมก็จะกระตุ้นการหลั่งออกซิโทซินให้มากขึ้น
ฟีโรโมน (Pheromones)
เป็นสารเคมีที่สัตว์สร้างจากต่อมมีท่อ ส่งออกนอกร่างกายแล้วไปมีผลต่อสรีระและพฤติกรรมของสัตว์อื่น ๆ ได้แก่- Releaser pheromones ฟีโรโมนที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ตัวอย่างเช่น สารที่ใช้เตือนภัย สารที่ใช้นำทางในผึ้ง หรือมด สารที่มีผลดึงดูดเพศตรงข้าม
- Primer pheromones ฟีโรโมนที่มีผลต่อสรีระภายใน เช่น ฟีโรโมนราชินีผึ้ง ทำให้ผึ้งเป็นหมัน