ในตอนที่ผ่านมาทั้งหมด ได้ศึกษาเกี่ยวกับการหาค่าความจริงของประพจน์ไป สำหรับตอนนี้ จะกล่าวถึงการอ้างเหตุผล ซึ่งเป็นการใช้ประพจน์หลายๆ ประพจน์สรุปค่าความจริงของประพจน์นั่นเอง
จะให้ประพจน์มาจำนวนหนึ่งในส่วนของเหตุ และสรุปประพจน์มาในส่วนของผล จะเรียกการอ้างเหตุผลว่า สมเหตุสมผล เมื่อพิจารณาประพจน์ด้วยตัวเชื่อม “ถ้า แล้ว” โดยที่เหตุของประพจน์ได้มาจากการเชื่อมส่วนของเหตุทั้งหมดด้วยตัวเชื่อม ”และ” และผลของประพจน์ได้มาจากส่วนของผล
ตัวอย่าง
เหตุ pq
ผล p
พิจารณาประพจน์ (pq)
p และตารางค่าความจริงต่อไปนี้
p | q | ||
T | T | T | T |
T | F | F | T |
F | T | T | F |
F | F | T | F |
ซึ่งไม่เป็นสัจนิรันดร์ ดังนั้นการอ้างเหตุผลนี้ไม่สมเหตุสมผล
1. ตัวอย่าง
เหตุ pq
p
ผลq
พิจารณาประพจน์ ((pq)
(
p))
q
ใช้วิธีหาข้อขัดแย้งจะได้
จะเห็นว่าไม่เกิดข้อขัดแย้งและได้กรณีที่ทำให้ประพจน์เป็นเท็จ ดังนั้นการอ้างเหตุผลไม่สมเหตุสมผล
2. ตัวอย่าง
เหตุ pq
qr
ผล pr
พิจารณาประพจน์ ((pq)
(q
r))
(p
r)
ใช้วิธีหาข้อขัดแย้งจะได้
เกิดข้อขัดแย้ง ดังนั้นการอ้างเหตุผลสมเหตุสมผล
3. ตัวอย่าง
เหตุ ปลาแซลมอนอยู่ในน้ำจืดหรือปลาแซลมอนอยู่ในน้ำเค็ม
ปลาแซลมอนอยู่ในน้ำจืด
ผล ปลาแซลมอนไม่อยู่ในน้ำเค็ม
พิจารณาให้ p แทน ปลาแซลมอนอยู่ในน้ำจืด
q แทน ปลาแซลมอนอยู่ในน้ำเค็ม
จะได้ประพจน์ที่ต้องพิจารณาคือ (pq)
p
q
จะเห็นว่าไม่เกิดข้อขัดแย้ง ดังนั้นเป็นการอ้างเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล
ตัวอย่าง
เหตุ ถ้ารัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้วเงินจะเฟ้อ
ถ้าอาหารราคาสูงขึ้นแล้วรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
รัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำผล
ผล อาหารราคาสูงขึ้น
สำหรับตัวอย่างสุดท้ายนี้ให้ลองพิจารณาแล้วฟังคำอธิบายในวิดีโอ