ตอนนี้เราสามารถสร้างและพิจารณาประพจน์เชิงประกอบได้หลากหลายและซับซ้อนมาก และในหลายๆ ปัญหา สิ่งที่เราสนใจคือค่าความจริงของประพจน์ เช่น
พิจารณาตารางค่าความจริงของประพจน์(p
q)
(p
q) ได้ดังนี้
T | T | F | F | |
T | F | T | F | |
F | T | F | T | |
T | F | T | T | |
F | T | F | F | |
F | T | F | F | |
T | T | T | T |
เห็นได้ว่าค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณี หรือประพจน์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น
9 เป็นจำนวนคู่หรือ 9 เป็นจำนวนคี่ สามารถพิจารณาตารางค่าความจริงได้ดังนี้
p | ~p | p |
T | F | T |
F | T | T |
ได้ว่าค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณี ซึ่งตรงกับการแปลความหมายเบื้องต้นของประพจน์ว่า ไม่ว่า 9 จะเป็นจำนวนคู่หรือคี่ ประโยคนี้ก็จะเป็นจริง ประพจน์แบบนี้มีข้อดีคือ เราไม่ต้องพิจารณาตารางค่าความจริงและสรุปได้เลยว่าค่าความจริงของประพจน์เป็นจริง และในกรณีข้างต้น อาจเขียนแทน pq ด้วย T
สามารถใช้การสมมูลกันของประพจน์ในการพิจารณา เช่น
((pq)
(
q))
p
((
p
q)
(
q))
(
p)
(p
(
q))
q
(
p)
(p
q
(
p))
((
q)
q
(
p))
T
T
T
ดังนั้น ประพจน์นี้เป็นสัจนิรันดร์
วิธีข้างต้นจะสรุปได้เฉพาะประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณีหรือเป็นเท็จทุกกรณีเท่านั้น นอกจากนี้ถ้าการเชื่อมประพจน์เป็นแบบ “ถ้า แล้ว” สามารถใช้วิธีการหาข้อขัดแย้งในการตรวจสอบความเป็นสัจนิรันด์ได้ ซึ่งทำได้โดยสมมติให้ประพจน์ที่พิจารณาเป็นเท็จ ซึ่งตัวเชื่อม “ถ้า แล้ว” จะเป็นเท็จได้กรณีเดียวคือ เหตุเป็นจริง ผลเป็นเท็จ ดังนั้นเราจึงพิจารณาย้อนกลับเพื่อดูค่าความจริงของแต่ละประพจน์ย่อยหรือประพจน์เชิงเดียว ถ้ามีประพจน์ย่อยที่มีค่าความจริงทั้งจริงและเท็จในกรณีเดียวที่เรากำลังพิจารณานี้ แสดงว่าเกิดข้อขัดแย้งที่สมมติให้ประพจน์เป็นเท็จ ดังนั้นประพจน์นี้ต้องเป็นจริง ไม่ว่าประพจน์ย่อยจะมีค่าความจริงเป็นอย่างไร
การพิจารณาข้างต้นทำให้ได้กรณีค่าความจริงของประพจน์ p และ q ที่ทำให้ประพจน์ที่พิจารณาเป็นเท็จได้ ดังนั้นประพจน์นี้ไม่เป็นสัจนิรันดร์
ตัวอย่างนี้ได้ว่าประพจน์ q มีค่าความจริงทั้งเท็จและจริงในกรณีที่สมมตินี้ ซึ่งทำให้เกิดข้อขัดแย้ง ดังนั้นการสมมติให้ประพจน์ที่พิจารณาเป็นเท็จนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ สรุปว่าประพจน์นี้เป็นสัจนิรันดร์