เราเรียก การเคลื่อนที่ของโมเลกุลของแก๊สผ่านตัวกลางจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง ว่า “การแพร่” โดยโมเลกุลของแก๊ส จะเคลื่อนที่ หรือ แพร่จากที่ที่มีความเข้มข้นของโมเลกุลของแก๊สมากกว่า ไปสู่ที่ที่มีความเข้มข้นของโมเลกุลของแก๊สที่น้อยกว่า และการแพร่จะหยุดลงเมื่อความเข้มข้นของโมเลกุลของแก๊สเท่ากัน
การแพร่เกิดได้กับสสารทุกสถานะ เช่น
การแพร่จะเกิดจนมองเห็นของผสมนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน กระบวนการแพร่ของแก๊สเกิดได้ง่ายและใช้เวลาน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการแพร่ของของเหลว และของแข็ง
ทอมัส เกรแฮม พบว่า ที่สภาวะความดันและอุณหภูมิเดียวกัน อัตราการแพร่ของแก๊สจะเป็นสัดส่วนผกผันกับรากที่สองของมวลโมเลกุลของแก๊สนั้น
เป็นการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของแก๊สภายใต้ความดันค่าหนึ่ง เคลื่อนที่ออกจากภาชนะบรรจุผ่านรูเล็กๆ ที่มีขนาดที่ยอมให้ทีละโมเลกุลแก๊สผ่านได้เท่านั้น เพื่อไปยังอีกภาชนะหนึ่งที่เป็นสุญญากาศ ดังรูป
โดยพบว่าที่สภาวะความดันและอุณหภูมิเดียวกันอัตราการแพร่ผ่านของแก๊สเป็นสัดส่วนผกผันกับรากที่สองของความหนาแน่นของแก๊ส หรือเป็นสัดส่วนผกผันกับรากที่สองของมวลโมเลกุลแก๊ส เช่นเดียวกับอัตราการแพร่ของแก๊ส หมายความว่า แก๊สที่มีมวลโมเลกุลน้อยสามารถแพร่ผ่านได้เร็วกว่าแก๊สที่มีมวลโมเลกุลมาก
วิธีทำ จากกฎการแพร่ผ่านของ เกรแฮม
แทนค่า
แก๊สแอมโมเนียจะแพร่ผ่านได้เร็วเป็น 1.47 เท่าของแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
วิธีทำ 1 จากการคำนวณในตัวอย่างที่ผ่านมา ทราบว่าแก๊สแอมโมเนียจะแพร่ผ่านได้เร็วเป็น 1.47 เท่าของแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
ดังนั้น อัตราการแพร่ผ่านของแก๊ส
HCl =
อัตราการแพร่ผ่านของ HCl เป็น 5.44x10-6 โมลต่อชั่วโมง
เพราะฉะนั้น แก๊ส HCl ปริมาณ 8.0x10-6 โมล จะต้องใช้เวลา
= = 1.47 ชั่วโมง
วิธีทำ 2 จากกฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม และความสัมพันธ์ที่ว่าเมื่ออัตราเร็วมาก จะใช้เวลาน้อย
เพราะฉะนั้น แก๊ส HCl ปริมาณ 8.0X10-6 โมล จะต้องใช้เวลา
= = 1.47 ชั่วโมง