สมดุลไอออน (กรด-เบส)
ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียสเบรินสเตด-ลาวรี และลิวอิส
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ทฤษฎีกรด-เบส ของเบรินสเตด-ลาวรี
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การแตกตัวหรือความแรงของกรดและเบส
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
100%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
คำนวณค่า pH ความเข้มข้นของให้ไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซต์ไอออนของกรดและเบส
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ปฏิกิริยาการสะเทิน
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของเกลือ
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
หลักการและอินดิเคเตอร์สำหรับการไทเทรตกรด-เบส
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
100%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
คำนวณปริมาณสารหรือความเข้มข้นของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สารละลายบัฟเฟอร์
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
33%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
สืบค้นข้อมูลตัวอย่างการใช้ประโยชน์และการแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับกรด-เบส
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย

สารละลายบัฟเฟอร์

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

สารละลายบัฟเฟอร์

MEDIUM

สารละลายบัฟเฟอร์

HARD

สารละลายบัฟเฟอร์

เนื้อหา

สมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของสารละลายบัฟเฟอร์

สารละลายบัฟเฟอร์ (buffer solution) หมายถึง สารละลายของกรดอ่อนกับเกลือของกรดอ่อน (คู่เบสของกรดอ่อน) หรือสารละลายของเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อน (คู่กรดของเบสอ่อน)  

สมบัติที่สำคัญของสารละลายบัฟเฟอร์ คือ มีสามารถในการรักษาสภาพ pH ของสารละลายเอาไว้ได้เมื่อเติมกรดแก่หรือเบสแก่จำนวนเล็กน้อยลงไป กล่าวอีกในหนึ่ง คือ pH ของบัฟเฟอร์จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากในสารละลายบัฟเฟอร์จะมีสารหรือไอออนที่ทำหน้าที่คอยควบคุมความเข้มข้นของ  H3O+ และ OH- ในระบบให้คงที่ ซึ่งความสามารถในการต้านทานการเปลี่ยนแปลง pH นี้เรียกว่า  buffer capacity

สารละลายบัฟเฟอร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่                                       

1. สารละลายของกรดอ่อนกับเกลือของกรดอ่อน  มีค่า pH ของสารละลายน้อยกว่า 7

ตัวอย่าง ของสารละลายบัฟเฟอร์ชนิดนี้ได้แก่ CH3COOH/CH3COONa HCN/KCN HCOOH/HCOONa และ HF/NaF เป็นต้น                          

2. สารละลายของเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อน มีค่า pH ของสารละลายมากกว่า 7

ตัวอย่าง สารละลายบัฟเฟอร์ชนิดนี้ได้แก่ NH3/NH4Cl และ CH3NH2/ CH3NH4Cl เป็นต้น

การทำงานของบัฟเฟอร์ในการควบคุม pH                                   

กรณีบัฟเฟอร์กรด 

สมมติให้สารละลายบัฟเฟอร์ของนักเรียนประกอบด้วย CH3COOH/CH3COONa กรดอะซีติก (CH3COOH) มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน

ซึ่งแตกตัวให้ CH3COO- และ H3O­+ (แต่เนื่องจากเป็นกรดอ่อน โมเลกุลส่วนใหญ่จึงยังคงอยู่ในรูปของ CH3COOH)

เขียนปฏิกิริยาเคมีในส่วนนี้ได้เป็น

เกลือโซเดียมอะซีแตต (CH3COONa) สามารถแตกตัวได้ 100% ดังนั้น ในสารละลายจึงมี CH3COO- และ Na+ อยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อนักเรียนนำกรดอะซีติกและเกลือโซเดียมอะซีเตตมาผสมกัน จะทำให้สารละลายมีปริมาณ CH3COOH และ CH3COO- อยู่ในสารละลายในจำนวนที่ CH3COO- มีปริมาณที่มากกว่า เมื่อเทียบกับจำนวน CH3COO- ที่แตกตัวออกมาจากกรด CH3COOH เอง เมื่อทั้ง CH3COOH และ CH3COO- อยู่ในสภาวะสมดุล จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า บัฟเฟอร์

ซึ่งสามารถเขียนสมการแสดงสภาวะสมดุลของสารละลายบัฟเฟอร์ได้ว่า

(สมการนี้เรียกว่า Handerson Hasselbalch)

บัฟเฟอร์กรดทำงานอย่างไร 

เติมกรด: หากนักเรียนเติมกรดลงไป  สารละลายบัฟเฟอร์จะทำการกำจัด H+ ที่เพิ่มขึ้นมา โดยการนำ CH3COO- ไปทำปฏิกิริยากับกรด เกิดเป็น CH3COOH

จากสถานการณ์นี้ จำนวน CH3COO- มีค่าลดลง    จำนวน CH3COOH มีค่าเพิ่มขึ้น แต่จำนวน H+ จะมีค่าคงที่หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก ทำให้ pH ของสารละลายไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก             

เติมเบส: ในกรณีนี้ สารละลายบัฟเฟอร์จะทำการจำกัดเบสที่เติมมา โดยนำ CH3COOH มาทำปฏิกิริยากับ OH- เกิดเป็น CH3COO- และน้ำ

จากสถานการณ์นี้ จำนวน CH3COO- มีค่าเพิ่มขึ้น  จำนวน CH3COOH มีค่าลดลง ทำให้จำนวน H+ มีค่าเท่าเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก ทำให้ pH ของสารละลายไม่เปลี่ยนแปลง

กรณีบัฟเฟอร์เบส 

สมมติให้สารละลายบัฟเฟอร์ของนักเรียนประกอบด้วย NH3/NH4Cl โดยแอมโมเนีย (NH3) มีคุณสมบัติเป็นเบสอ่อน

ซึ่งเมื่อแตกตัวในน้ำจะเกิดเป็น NH4+ และ OH­- (แต่เนื่องจากเป็นเบสอ่อน โมเลกุลส่วนใหญ่จึงยังคงอยู่ในรูปของ NH3)

เขียนปฏิกิริยาเคมีการแตกตัวของ NH3 ได้เป็น

เกลือแอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) สามารถแตกตัวได้ 100% ดังนั้น ในสารละลายจึงมี NH4+ และ Cl- อยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อนักเรียนนำแอมโมเนียและเกลือแอมโมเนียมคลอไรด์มาผสมกัน จะทำให้สารละลายมีปริมาณ NH3 และ NH4+ อยู่ในสารละลายในจำนวนที่ปริมาณ NH4+ มีมากกว่าจำนวน NH4+ ที่แตกตัวออกมาจากแอมโมเนียเอง เกิดเป็นสภาวะบัฟเฟอร์

ที่สามารถเขียนสมการแสดงสภาวะสมดุลได้ว่า

(สมการนี้เรียกว่า Handerson Hasselbalch)

บัฟเฟอร์เบสทำงานอย่างไร

เมื่อเติมกรด: หากนักเรียนเติมกรดลงไป  สารละลายบัฟเฟอร์จะทำการกำจัด H+ ที่เพิ่มขึ้นมา โดยการนำ NH3 ไปทำปฏิกิริยากับกรด เกิดเป็น NH4+         

จากสถานการณ์นี้ จำนวน NH3 จะมีค่าลดลง จำนวน NH4+ มีค่าเพิ่มขึ้น แต่จำนวน OH- จะมีค่าคงที่หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก ทำให้ pH ของสารละลายไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก    

เมื่อเติมเบส: ในกรณีนี้ สารละลายบัฟเฟอร์จะทำการจำกัดเบสที่เติมมา โดยนำ NH4+มาทำปฏิกิริยากับ OH- เกิดเป็น NH3 และน้ำ

จากสถานการณ์นี้ จำนวน NH3 จะมีค่าเพิ่มขึ้น  จำนวน NH4+ มีค่าลดลง ทำให้จำนวน OH- มีค่าเท่าเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก ทำให้ pH ของสารละลายไม่เปลี่ยนแปลง


ประโยชน์ของสารละลายบัฟเฟอร์

บัฟเฟอร์มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต ช่วยรักษา homeostasis ในร่างกาย รักษาสภาพกรด-เบสภายในเซลล์ให้คงที่

ตัวอย่าง ช่วยในการรักษา pH ของพลาสมาในเลือด  ช่วยรักษาสภาพบัฟเฟอร์ในไต เป็นต้น