บทนำ การวัด ความคลาดเคลื่อน เวกเตอร์ (1)

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

บทนำ การวัด ความคลาดเคลื่อน เวกเตอร์ (1) (ชุดที่ 1)

MEDIUM

บทนำ การวัด ความคลาดเคลื่อน เวกเตอร์ (1) (ชุดที่ 2)

HARD

บทนำ การวัด ความคลาดเคลื่อน เวกเตอร์ (1) (ชุดที่ 3)

เนื้อหา

บทนำ การวัดและ
หน่วยของการวัด

วิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์ มาจากภาษาลาติน “Scientia” หมายความว่าความรู้ทั่วไป ซึ่งเป็นความรู้ที่ได้จากการศึกษาธรรมชาติ ซึ่งสามารถพิสูจน์ผ่านกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และสรุปได้ว่าถูกต้องและเป็นความจริง

การแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นต้องอาศัยกระบวนการแสวงหาความรู้ ดังนี้

  1. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
  2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
  3. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 

วิทยาศาสตร์สามารถแบ่งได้เป็น วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ 

  • วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ คือ วิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์สหสาขาวิชา
  • วิทยาศาสตร์ประยุกต์ คือ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น

ข้อดีของวิทยาศาสตร์

คือ ทำให้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น

  1. พัฒนาที่อยู่อาศัย
  2. พัฒนาด้านโภชนาการ
  3. พัฒนาด้านการแพทย์
  4. พัฒนาด้านเครื่องนุ่งห่ม พัฒนาด้านเกษตร 
  5. พัฒนาด้านการคมนาคมเป็นต้น

ดังนั้น จัดได้ว่าวิทยาศาสตร์มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน

การค้นหาความรู้จากปรากฏการณ์ในธรรมชาติ

  1. จากการสังเกต การบันทึก การทดลอง การวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปผล 
    เพื่อที่จะหาคำอธิบายปรากฏการณ์ที่สังเกตนั้น หรือตั้งเป็นทฤษฎีที่เป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกับสิ่งที่สังเกตเห็น หรือผลการทดลองนั้น ไ ขึ้นมาในแนวทางนี้อาจต้องทำการทดลองซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในความถูกต้องของคำอธิบายและทฤษฎีนั้น
  2. จากการสร้างแบบจำลอง 
    เป็นการใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความมีเหตุผล และมีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี นำมาประกอบกันในการสร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่เคยคิดกันมาก่อนโดยทฤษฎีที่สร้างขึ้นมานี้จะเป็นที่ยอมรับว่าใช้ได้ก็ต่อเมื่อสามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ได้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากการทดลอง หรือต้องมีผลการทดลองที่ยืนยันสนับสนุน ทฤษฎีนั้นจึงเป็นที่ยอมรับว่าใช้ได้

การวัดและหน่วยของการวัด

  1. การแสดงผลของการวัดและการอ่านผลจากเครื่องมือวัด
    • การอ่านค่าจากเครื่องมือวัดแบบแสดงผลด้วยขีดสเกล ต้องทราบความละเอียดของเครื่องมือวัดนั้นๆ เช่น ไม้บรรทัดที่มีช่องสเกลเล็กที่สุดเท่ากับ 0.1 เซนติเมตร สามารถอ่านได้ละเอียดที่สุดเพียงทศนิยมตำแหน่งเดียวของเซนติเมตรเท่านั้น และต้องประมาณค่าตัวเลขหลังทศนิยมตำแหน่งที่สอง เช่น 8.30 เซนติเมตร ถ้ามั่นใจว่าความยาวยาวเท่ากับ 8.3 พอดี ตัวเลขที่ประมาณขึ้นมาก็คือ 0
    • การอ่านค่าจากเครื่องวัดแบบแสดงผลด้วยตัวเลข สามารถอ่านได้โดยตรงตามตัวเลขบนจอภาพ
      เช่น เวลา 10.10 นาฬิกา ก้อนหินหนัก 1.53 กิโลกรัม เป็นต้น ไม่ต้องบอกค่าประมาณ
  2. การเลือกใช้เครื่องมือวัด
    • ต้องคำนึงถึงประเภทของความละเอียดที่ต้องการวัด เช่น การวัดความยาวทั่ว ๆ ไป ควรใช้ตลับเมตรหรือไม้เมตร แต่สำหรับงานที่ต้องการความละเอียด ควรใช้ เวอร์เนียร์ หรือ ไมโครมิเตอร์
  3. หน่วยของการวัด เป็นการกำหนดมาตรฐานเพื่อเป็นหน่วยกลางทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า หน่วยระหว่างชาติ (International System of Units) และกำหนดให้ใช้อักษรย่อแทนชื่อระบบนี้ว่า "SI" 
    • หน่วยฐาน (Base Units) เป็นหน่วยหลักของเอสไอ ทั้งหมด 7 หน่วย ดังตาราง

      ปริมาณ

      ชื่อหน่วย

      สัญลักษณ์

      ความยาวเมตรm
      มวลกิโลกรัมkg
      เวลาวินาทีs
      กระแสไฟฟ้าแอมแปร์A
      อุณหภูมิ
      อุณหพลวัติ
      เคลวินK
      ปริมาณของสารโมลmol
      ความเข้มของ
      การส่องสว่าง
      แคนเดลาcd
    • หน่วยเสริม (Suppilmentary Units) หน่วยเสริมของระบบ SI มี 2 หน่วย คือ เรเดียน (Radian: rad) เป็นหน่วยวัดมุมในระนาบ และ สตีเรเดียน (Steradian: sr) เป็นหน่วยวัดมุมตัน
    • หน่วยอนุพันธ์ (Derived Units) เป็นหน่วยซึ่งมีหน่วยฐานหลายหน่วยมาเกี่ยวข้องกัน หน่วยนี้มีอยู่หลายหน่วยและบางหน่วยก็ใช้ชื่อและสัญลักษณ์เป็นพิเศษ เช่น หน่วยเมตร/วินาที (m/s), กิโลกรัมเมตรต่อวินาทีกำลังสอง (kg.m/s2) หรือนิวตัน (N), จูลต่อวินาที (J/s) หรือวัตต์ (w)
  4. การบันทึกปริมาณที่มีค่ามากหรือน้อยและการปลี่ยนหน่วย
    • ตัวพหุคูณ คือ 10n เป็นการเขียนเพื่อลดรูปปริมาณที่ใหญ่มากๆ หรือเล็กมากๆ
    • คำอุปสรรค คือ สัญลักษณ์แทนค่าตัวพหุคูณบางค่า ดังตาราง
      ตัวนำหน้าสัญลักษณ์ตัวคูณ
      Exa-E1018
      Peta-P1015
      Teta-T1012
      Giga-G109
      Mega-M106
      Kilo-K103
      Hecto-H102
      Deka-Da101
      Deci-D10-1
      Centi- C10-2
      Milli-M10-3
      Micro-mu10-6
      Nano- n10-9
      Pico-p10-12
      Femto-f10-15
      Atto-a10-18
      • ตัวอย่าง ก้อนหินมวล 0.4 มิลลิกรัมมีมวลกี่กิโลกรัม
        วิธีที่ 1 เทียบบัญญัติไตรยางศ์

        เปลี่ยนมิลลิกรัม ----->
        กรัม----->
        กิโลกรัม ตามลำดับ

        วิธีทำ 10 cubed มิลลิกรัม = 1 กรัม

            =0.4 มิลลิกรัม

            = fraction numerator 0.4 cross times 1 over denominator 10 cubed end fraction

            = 0.4 cross times 10 to the power of negative 3 end exponent กรัม

        ดังนั้น 0.4 cross times 10 to the power of negative 3 end exponent กรัม

            = fraction numerator 0.4 cross times 10 to the power of negative 3 end exponent over denominator 10 cubed end fraction

            = 0.4 cross times 10 to the power of negative 6 end exponent กิโลกรัม


        วิธีที่ 2 ใช้ตัวพหุคูณ

        (**เอาตัวตั้งคูณ ตัวเปลี่ยนหาร)

        วิธีทำ ตัวตั้ง คือ m (มิลลิ) = 10 to the power of negative 3 end exponent

                ตัวเปลี่ยน คือ k (กิโล) = 10 cubed

        ดังนั้น = fraction numerator 0.4 cross times 10 to the power of negative 3 end exponent over denominator 10 to the power of negative 3 end exponent end fraction

               = 0.4 cross times 10 to the power of negative 6 end exponent กิโลกรัม
  5. เลขนัยสำคัญ ตัวเลขที่อ่านได้จากสเกลของเครื่องมือวัด รวมกับตัวเลขที่ได้จากการคาดเดาอีก 1 ตำแหน่ง
    • การนับเลขนัยสำคัญ
      1. ตัวเลขทุกตัวที่ไม่ใช่ตัวเลข 0 เป็นเลขนัยสำคัญทั้งหมด เช่น 1.6, 11.2, 2548 และ 8.976 มีเลขนัยสำคัญเท่ากับ 2, 3, 4 และ 4 ตัว ตามลำดับ
      2. ตัวเลข 0 ถือว่าเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 205 , 2.035, 1.3000 มีเลขนัยสำคัญ 3, 4, 5 
        ตามลำดับ ยกเว้น ตัวเลข 0 ที่อยู่ทางซ้ายมือ
        ไม่ถือว่าเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 0.0025 มีเลขนัยสำคัญ 2 ตัว 
      3. ถ้าเขียนให้อยู่ในรูปของ A cross times 10 to the power of n comma 1 less or equal than A less or equal than 10 comma n element of I 
        ให้พิจารณาเฉพาะ A เท่านั้น ไม่ต้องคำนึงถึง n เช่น 4.50 cross times 10 squared มีจำนวนเลขนัยสำคัญ 3 ตัว
    • การบวก การลบ การคูณ และการหารเลขนัยสำคัญ
      1. การบวก-ลบ ผลลัพธ์ต้องมีตำแหน่งทศนิยมเท่ากับตำแหน่งทศนิยมน้อยสุดของจำนวนที่นำมาบวกลบกัน
      2. การคูณ-หาร ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องมีเลขนัยสำคัญเท่ากับเลขนัยสำคัญตัวที่น้อยที่สุด
        • ตัวอย่าง จงหาผลลัพธ์
        • 1) 1.5 + 65.243 + 10.12 
          วิธีทำ  คำตอบของ 1.5 + 65.243 +10.12 มีค่าเท่ากับ 76.863
          (.863 มี 3 ตำแหน่ง) แต่จำนวนที่นำมาบวกมีตำแหน่งทศนิยมน้อยสุดคือ 2 ตำแหน่ง ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องควรเป็น 76.9
        • 2) 123.45 X 3.0
          คำตอบของ 123.45 X 3.0 มีค่าเท่ากับ 370.350 ซึ่งมีจำนวนเลขนัยสำคัญ 6 ตัว แต่จำนวนที่นำมาคูณกันมีจำนวนเลขนัยสำคัญน้อยสุดคือ 2 ตัว
          ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องควรเป็น 3.7 x 102
  6. ความไม่แน่นอนในการวัด
    • ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์จากการบวกสามารถคิดจากปริมาณความคลาดเคลื่อนจริงของแต่ละตัวมาบวกกัน (**การบวกลบ ค่าความคลาดเคลื่อนบวกกันเสมอ)
      begin mathsize 14px style open parentheses A plus-or-minus increment a close parentheses plus open parentheses B plus-or-minus increment b close parentheses equals open parentheses A plus B close parentheses plus-or-minus open parentheses increment a plus increment b close parentheses
open parentheses A plus-or-minus increment a close parentheses minus open parentheses B plus-or-minus increment b close parentheses equals open parentheses A minus B close parentheses plus-or-minus open parentheses increment a plus increment b close parentheses end style
    • ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์จากการคูณหาร สามารถคิดจากเปอร์เซนต์ของความคลาดเคลื่อนของแต่ละตัวมาบวกกัน (** การคูณหาร ค่าความคลาดเคลื่อนบวกกันเสมอ)
      begin mathsize 12px style open parentheses A plus-or-minus increment a close parentheses open parentheses B plus-or-minus increment b close parentheses
space space space space space space space space space space space space space space space space space space equals A B plus-or-minus open square brackets fraction numerator increment a over denominator B end fraction cross times 100 percent sign plus fraction numerator increment b over denominator B end fraction cross times 100 percent sign close square brackets
space space space fraction numerator open parentheses A plus-or-minus increment a close parentheses over denominator open parentheses B plus-or-minus increment b close parentheses end fraction
space space space space space space space space space space space space space space space space space space space equals A over B plus-or-minus open square brackets fraction numerator increment a over denominator B end fraction cross times 100 percent sign plus fraction numerator increment b over denominator B end fraction cross times 100 percent sign close square brackets end style